ตามนโยบายของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร. ที่ให้ทำการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชน กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร.รรท.ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.ฐาปกรณ์ หนุมาศ ผกก.3 บก.สอท.5 เร่งสืบสวนดำเนินการจับกุมตัวผู้กระทำผิด

สืบเนื่องจากได้มีผู้เสียหายจำนวนมากเข้าร้องทุกข์ว่า ตนเองได้ถูกชักชวนให้ลงทุนในทรัพย์สินดิจิทัล (คริปโตเคอร์เรนซี่) ผ่านแพลตฟอร์มชื่อต่างๆ อาทิ เช่น Tixhda, parachain global เป็นต้น และได้มีแอดมินมาชักชวนลงทุน โดยอ้างว่าจะได้ผลตอบแทนกำไรวันละ 10-15% ต่อยอดเงินการลงทุน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้สมัครลงทุนในแพลตฟอร์มดังกล่าว และได้โอนเงินเพื่อลงทุนเพื่อหวังผลกำไรไปจำนวนหลายครั้งผ่านบัญชีม้า และเมื่อผู้เสียหายจะถอนเงิน ได้ถูกอ้างว่าจะต้องเสียค่าธรรมเนียมอีกกว่าเป็นหลักแสน ภายหลังไม่สามารถติดต่อแอดมินได้ จึงเชื่อว่าได้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวง จึงได้มาแจ้งความดำเนินคดี จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งนับมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 20 ล้านบาทเศษ

ต่อมาพนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ รวมถึงเส้นทางการเงินที่กลุ่มผู้เสียหายได้โอนเงิน จากการถูกหลอกลวง จนสามารถขอศาลออกหมายจับกลุ่มผู้กระทำผิดในขบวนการดังกล่าวได้ จึงได้เร่งรัดให้ชุดสืบสวนดำเนินการจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี

จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นห้วงระดมหมายจับกุมในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.ฐาปกรณ์ หนุมาศ ผกก.3 บก.สอท.5, พ.ต.ท.ปฐมพงศ์ มีอยู่ รอง ผกก.3 บก.สอท.5 สั่งการให้ ชุดสืบสวน กก.3 บก.สอท.5 ได้ดำเนินการจับกุม นายกษิดิ์เดช (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพังงาที่ 108/2567 ซึ่งทำหน้าที่เปิดบัญชีม้าให้กับขบวนการหลอกลงทุนในเครือข่ายดังกล่าว โดยจับกุมได้ที่หน้าห้องเช่าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ขณะกำลังขับรถจักรยานยนต์วิ่งส่งอาหาร (พนักงาน ไรเดอร์) ในบริเวณดังกล่าว

ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง เพื่อหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง เพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

จากการสอบถาม นายกษิดิ์เดชฯ ผู้ถูกจับกุม ให้การว่าตนเองได้ถูกว่าจ้างจากคนรู้จักชักชวนให้เปิดบัญชีธนาคารรูปแบบออนไลน์ ในราคาค่าจ้างบัญชีละ 2,000 บาท โดยอ้างว่าจะนำบัญชีไปใช้ในการค้าขาย ภายหลังมาทราบว่าบัญชีของตนเองถูกนำมาใช้ในขบวนการหลอกลงทุนจึงได้หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่เรื่อยมา จนมาถูกจับกุมตัวในที่สุด อีกทั้งขณะถูกจับกุมตัว นายกษิดิ์เดชฯ ยังมีกำไล EM ติดที่บริเวณขา เนื่องจากเคยถูกจับกุมในความผิดลักษณะดังกล่าวมาก่อนหน้านี้และอยู่ในระหว่างประกันตัวสู้คดีในชั้นศาล ชุดสืบสวน กก.3 บก.สอท.5 จึงควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.5 เพื่อดำเนินคดีและขยายผลผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป