โรงงานขอนแก่น เตรียมย้านฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน หลังรัฐเตรียมปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นเป็นวันละ 400 บาท ขณะที่สภาอุตสาหกรรมคัดค้านเต็มที่ เชื่อ “อุ้งอิ้ง”ทบทวนใหม่ เพราะเป็นดาบสองคมที่ผู้ประกอบการไทยหลายรายไม่รอดแน่

นายทวีสันต์ วิชัยวงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ขอนแก่น  เปิดเผยว่า การประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่จะถึงนี้นั้น ซึ่ง สภาอุตสาหกรรมคัดค้านมาโดยตลอดและได้ทำหนังสือคัดค้านไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดว่าไม่เห็นด้วยรวมทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ทำหนังสือคัดค้านไปที่รัฐบาลว่าไม่เห็นด้วยขอให้การปรับค่าแรงเป็นไปตามกลไกเป็นไปตามดัชนีของคณะกรรมการค่าจ้างกลาง เนื่องจากในขณะนี้คณะกรรมการค่าจ้างจังหวัดได้นำเสนอข้อสรุป ส่งไปคณะกรรมการค่าจ้างกลางไปแล้ว ซึ่งถ้าหากว่าคณะกรรมการค่าจ้างกลางมีการสั่งให้ปรับเป็น 400 บาท ทางสภาอุตสาหกรรมและเอกชน 3 สถาบัน ประกอบด้วยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าแห่งประเทศไทย ชมรมธนาคารแห่งประเทศไทย จะทำการยื่นคัดค้านอีกครั้งทันที

“   สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือภาคอุตสาหกรรมโดยรวม ภาคบริการ สินค้าอุปโภคบริโภค แต่ภาคอุตสาหกรรมจะกระทบหนักหน่อยโดยเฉพาะเอสเอ็มอี เพราะปัจจุบันนี้การเข้าถึงแหล่งเงินทุนก็ยาก และยังคงจะต้องมีต้นทุนในการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นอีก   ยกตัวอย่างเช่น ขอนแก่น เดิมที่มีค่าแรงขั้นต่ำ 350 บาท ปรับไปเป็น 400 บาท เท่ากับว่าเพิ่มขึ้น 50 บาท ต่อ1 วัน ถ้า 30 วัน เท่ากับมีต้นทุนเพิ่มขึ้นต่อหัวต่อคน 1,500 บาท ผู้ประกอบการบางคนยังไม่ฟื้นตัวตั้งแต่สภาวะโควิดจะเห็นได้ว่าการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนไม่ได้ดีมากยิ่งมาเจอสภาวะแบบนี้ยิ่งต้องปรับต้นทุนสินค้าอุปโภคบริโภคแน่นอนผู้ผลิตต้องผลักภาระไปยังผู้บริโภค เพราะการปรับค่าแรงขั้นต่ำจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นต้องบวกราคาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน”

นายทวีสันต์ กล่าวต่ออีกว่า ถ้าการปรับค่าแรงจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเรื่องนี้บางคนอาจจะมองไม่รอบด้านเพราะว่ารัฐบาลไม่ได้เป็นคนจ่ายแต่นายจ้างเป็นคนจ่ายซึ่งนายจ้างเป็นเอกชนเป็นผู้รับภาระแต่สุดท้ายรัฐบาลต้องดูด้วยว่าจะเกิดเงินเฟื้อหรือไม่จะเกิดสภาพคล่องในการจับจ่ายใช้สอยหรือไม่ ในเมื่อต้นทุนเพิ่มขึ้น ก็ต้องซื้อสินค้าสูงขึ้น   ข้าวกะเพราอาจจะต้องปรับขึ้นราคาเป็นจานละ 65 บาท ผู้บริโภคจะไหวหรือไม่

“ หากชั่งนำหนักแล้ว การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทอาจะส่งผลเสียมากกว่า ซึ่งเรื่องนี้สภาอุตสาหกรรมคัดค้านมาโดยตลอดและได้ทำหนังสือคัดค้านไปที่รัฐบาลว่าไม่เห็นด้วยขอให้การปรับค่าแรงเป็นไปตามกลไกเป็นไปตามดัชนีของคณะกรรมการค่าจ้างกลาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเฟื้อ สภาวะเศรษฐกิจ อีกทั้งค่าไฟเราสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน อย่างไรก็ตามมีคนบอกว่าการขึ้นค่าแรงจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้เม็ดเงินอย่างเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตซึ่งวันนี้ชัดเจนแล้วว่ากลุ่มเปราะบางประมาณ 14.5 ล้านคน จะได้รับก่อนกลุ่มอื่นเม็ดเงินเหล่านี้ที่จะมากระตุ้นเศรษฐกิจเม็ดเงินก้อนใหญ่ๆ ซึ่งควรทำเร่งด่วน และการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนไม่ว่าจะเป็นเอสเอ็มอี หรือภาคอุตสาหกรรม เรื่องนี้รัฐบาลก็ต้องเร่งทำ เพื่อให้เกิดภาพใหญ่ของเคลื่อนตัว ที่จะหมุนเป็นวงรอบตามที่รัฐบาลพูดไว้”

นายทวีสันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การขึ้นค่าแรงเป็นดาบสองคมเพราะการขึ้นค่าแรงจะนำไปสู่การปรับราคาสินค้าและภาคบริการ ซึ่งในขอนแก่นตอนนี้มีผู้ผลิตรายใหญ่ได้รับผลกระทบหากมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทแล้ว และมีแผนจะย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีต้นทุนการผลิตถูกกว่า ค่าแรงถูกกว่า ค่าพลังงานถูกกว่าอีกด้วย

โดย…จักรพันธ์  นาทันริ  ผู้สื่อข่าวจังหวัดขอนแก่น