กกร. ประเมินน้ำท่วมปี 2567 มีมูลค่าความเสียหายราว 6-8 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 0.03-0.04% ของ GDP จับตาภาคเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด แต่ยังคงกรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2567 ไว้ที่ 2.2-2.7% เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) โดยมี ทวี ปิยะพัฒนา รองประธานอาวุโส สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และ สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมในการแถลงข่าว โดยระบุว่า ภาวะอุทกภัยที่เกิดขึ้นถือเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติม และคาดว่ามูลค่าความเสียหายสำหรับช่วงเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายนจะอยู่ที่ราว 6-8 พันล้านบาท หรือ 0.03-0.04% ของ GDP ซึ่งภาคเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด

ส่วนในระยะถัดไปต้องติดตามพายุที่อาจจะเข้ามาในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ถือเป็นความเสี่ยงต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ในการแถลงข่าวประจำเดือนกันยายน กกร. ยังคงกรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2567 ไว้ที่ 2.2-2.7% เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง หลังปรับประมาณการการส่งออกไทยปีนี้ขึ้นเป็น 1.5-2.5% จาก 0.8-1.5% เมื่อเดือนก่อน

นอกจากนี้ กกร. แสดงความกังวลต่อสถานการณ์น้ำและอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางตอนบน จึงมีมติให้จัดตั้งคณะทำงานย่อยจัดทำข้อเสนอด้านการบริหารจัดการน้ำเพื่อเสนอต่อภาครัฐ โดยเน้นการวางแผนระยะยาวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมซ้ำรอยเหมือนปี 2554

โดยมุ่งเน้นการพัฒนาแหล่งน้ำและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำทั่วประเทศ เพื่อให้การบริหารน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากน้ำท่วม และเพิ่มศักยภาพในการกักเก็บน้ำ นอกจากนี้ยังเสนอให้มีการเชื่อมโยงระหว่างความต้องการน้ำ (Demand) และการจัดหาน้ำ (Supply) เพื่อให้สามารถจัดการน้ำได้อย่างเหมาะสม