มหกรรมกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ทัพนักกีฬาไทยยังทำผลงานสุดยอด คว้าเหรียญทองได้อีก จาก “แวว” สายสุนีย์ จ๊ะนะ ในฟันดาบ เซเบอร์ คลาส B บุคคลหญิง
การแข่งขันเมื่อวันที่ 3 ก.ย.67 ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งมาจบเอาตอนเช้าตรู่ของวันที่ 4 ก.ย.67 ตามเวลาไทย ฟันดาบที่ กร็อง ปาเลส์ ประเภท เซเบอร์ คลาส B บุคคลหญิง สายสุนีย์ จอมดาบจาก จ.เชียงใหม่ ลงแข่งขัน โดยแม้เธอกวาดรางวัลมากมายทั้งพาราลิมปิก และชิงแชมป์โลก แต่ยังไม่เคยได้แชมป์ประเภทเซเบอร์
คุณแม่วัย 50 ปี ที่เคยได้ 2 ทอง พาราลิมปิกเกมส์ จาก เอเป้ ในปี 2004 และ 2012 มาประเดิมปารีสเกมส์ ประเภทเซเบอร์ เริ่มรอบ 16 คนสุดท้าย ชนะ โมนิกา ซานโตส จากบราซิล 15-2, รอบ 8 คนสุดท้าย ชนะ ยุน ฮเย โช จาก เกาหลีใต้ 15-3, รอบรองชนะเลิศ ชนะโอเลนา เฟโดตา-อิซาเอวา จากยูเครน 15-9
จากนั้น รอบชิงชนะเลิศ สายสุนีย์ มาเจอ หรง เซียว จากจีน ที่เคยเจอกันในรอบชิงฯ เซเบอร์ เอเชียนเกมส์ ที่หางโจว ปีที่แล้ว ซึ่ง สาวจีน ชนะคว้าเหรียญทอง ซึ่งทั้งคู่ดวลกันเดือด มาเสมอ 14-14 ก่อน สายสุนีย์ คุมสมาธิ เอาชนะไปได้ 15-14
สายสุนีย์ คว้าเหรียญทองที่ 4 ให้ทัพไทยในปารีสเกมส์ และเป็นเหรียญทองพาราลิมปิกที่ 3 ในชีวิตของเธอ แต่เป็นเหรียญเซเบอร์เหรียญแรก หลังจากเคยได้ 2 ทอง, 1 เงิน 2 ทองแดง จากเอเป้ และ 1 ทองแดง จาก ฟอยล์
หลังแข่งขัน สายสุนีย์ กล่าวว่า “เป็นเหรียญแรกที่ได้จากเซเบอร์ ปกติถือเป็นดาบ 3 แต่นี่เปิดมาได้เลย ดังนั้นที่เหลือกำไรหมด ไม่น่าเชื่อว่าจะคุมตัวเอง ปกติถ้าเสมอ 14-14 จะคุมตัวเองไม่ได้ ตอนเสมอ 14 เท่า คิดว่าจะดึงก็ตาย จะบุกก็ตายหรือไม่ก็ไม่รู้ ตัดสินใจสั่งตัวเองเลย เพราะโดนใบแดง 3 แต้มแล้ว สุดท้ายทำได้ เป็นเพราะมีสมาธิจึงทำได้ โค้ชบอกตลอด ไม่เป็นไรเอาใหม่ อย่ากังวลว่าเสียไปแล้ว โค้ชพยายามบอกว่าปล่อยไป จังหวะที่ชนะ พอแทงแล้วรู้เลยว่าตัวเองออกก่อนได้แน่นอน ก่อนแข่งคุยกับลูกสาว น้องฤทัย ที่ให้กำลังใจตลอด ลูกสาวบอกให้สวดคาถาชินบัญชร แผ่เมตตา ซึ่งก็ทำตาม สุดท้ายแล้วก็นิ่งพอ วันนี้เป็นวันของสายสุนีย์แล้ว”
ทั้งนี้ สายสุนีย์ ยังเหลือโปรแกรม ประเภทฟอยล์ วันนี้(4 ก.ย.) เริ่มรอบ 8 คนสุดท้าย เวลาไทย 17.10 น. รวมทั้งยังมี ฟอยล์ทีม และเอเป้ที่เธอถนัด
ส่วนผลรายการอื่นที่น่าสนใจ เมื่อวันที่ 3 ก.ย.67 เทเบิลเทนนิส รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่ เซาธ์ ปารีส อารีนา 4 ชายเดี่ยว MS7 “เน่ะ” เฉลิมพงศ์ พันภู่ ชนะ คัตสึโยชิ ยากิ 3-0 เกม 11-9, 11-8 และ 11-4 ไปตัดเชือกพบ ชัว หยัน จากจีน วันที่ 6 ก.ย./ชายเดี่ยว คลาส MS6 รุ่งโรจน์ ไทยนิยม ชนะ คาโยเด อาลามี จากไนจีเรีย 3 เกมรวด 11-7, 11-1 และ 11-6 เข้ารอบรองชนะเลิศ พบ ปีเตอร์ โรเซนไมเยอร์ จากเดนมาร์ก วันที่ 5 ก.ย./ชายเดี่ยว คลาส MS3 “เป้” ยุทธจักร กลิ่นบานชื่น ชนะ ไจ เซียง จากจีน 3 เกมรวด 13-11, 11-6 และ 11-5 เข้ารอบรองชนะเลิศ พบ โธมัส ชมิดแบร์เกอร์ จากเยอรมนี วันที่ 5 ก.ย. โดยนักกีฬาที่เข้ารอบรองชนะเลิศ เทเบิลเทนนิส การันตีอย่างน้อยมีเหรียญทองแดงแน่นอน
สรุปผลงานหลังจบการแข่งขันวันที่ 3 ก.ย. ทัพไทย คว้าไปแล้ว 4 เหรียญทอง, 4 เหรียญเงิน และ 6 เหรียญทองแดง อยู่อันดับ 16 ของตารางเหรียญ ขึ้นมาจากเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่อยู่อันดับที่ 17
ทั้งนี้ 4 เหรียญทอง มาจาก วีลแชร์เรซซิ่ง 400 เมตรชาย คลาส T53 พงศกร แปยอ, บอคเซีย บุคคล BC2 “เจมส์” วรวุฒิ แสงอำภา, วีลแชร์เรซซิงชาย 100 เมตร คลาส T34, “บีม” ชัยวัฒน์ รัตนะ, ฟันดาบ เซเบอร์ คลาส B หญิง สายสุนีย์ จ๊ะนะ
4 เหรียญเงิน จาก เทเบิลเทนนิส คู่ผสม คลาส XD7 ยุทธจักร กลิ่นบานชื่น-วิจิตรา ใจอ่อน, เทเบิลเทนนิส ชายคู่ คลาส MD14 รุ่งโรจน์ ไทยนิยม-พิสิษฐ์ หวังผลพัฒนศิริ, วีลแชร์เรซซิ่ง 400 เมตรชาย คลาส T54 อธิวัฒน์ แพงเหนือ, แบดมินตันหญิงเดี่ยว คลาส WH1 “ปุ๊” สุจิรัตน์ ปุกคำ
6 เหรียญทองแดง จาก เทควันโด 47 กก.หญิง คลาส K44 ขวัญสุดา พวงกิจจา, เทเบิลเทนนิส หญิงคู่ คลาส WD5 ดารารัตน์ อาสายุทธ์-ชิลชิตพยัค บุตรวรรณสิริณา, เทเบิลเทนนิส ชายคู่ คลาส MD8 วันชัย ชัยวุฒิ-ยุทธจักร กลิ่นบานชื่น, แบดมินตัน หญิงคู่ WH1-WH2 สุจิรัตน์ ปุกคำ-อำนวย เวชวิฐาน, บอคเซีย บุคคล BC2 วัชรพล วงษา, แบดมินตัน ชายเดี่ยว SL3 “วี” มงคล บุญสุน
สำหรับเกณฑ์เงินรางวัลนักกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ จากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เหรียญทอง 7.2 ล้านบาท, เหรียญเงิน 4.8 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 3 ล้านบาท
