สว.กลุ่มอิสระประสานเสียงเรียกร้องให้เลือกประธานกมธ.วุฒิสภา 21 คณะอย่างอิสระตรงตามความรู้ความสามารถ หยุดบล็อกโหวตล็อกเก้าอี้กันได้แล้วยิ่งทำสภาสูงเสียหายเข้าไปใหญ่ “อังคณา”แฉจะปิดประตูตายไม่ให้สว.เสียงข้างน้อยเลยแม้แต่คนเดียว วอนประชาชนจับตามอง

เมื่อวันที่ 1 กันยายน นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) สว.กลุ่มอิสระ ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) สามัญประจำวุฒิสภา 21 คณะว่า หลังจากคณะกรรมาธิการวิสามัญฯพิจารณาข้อบังคับเสร็จแล้ว จะต้องนำเข้าที่ประชุมวุฒิสภาเพื่อรับรองข้อบังคับ จากนั้นรอสว.ที่แปรญัตติว่า จะออกมาอย่างไร ตนได้ยินมานานแล้วจะมีการล็อกประธานกมธ. มีการพูดกันว่า จะไม่ให้สว.กลุ่มอิสระเป็นประธานกมธ.เลย ตามรัฐธรรมนูญ สว.มี 200 คน มีการถามว่าใครอยากอยู่กมธ.ไหน ความเห็นส่วนตัวที่มาจากสว.กลุ่มวิชาชีพ ก็ต้องมาดูว่าใครมีความรู้ความสามารถ ใครอยู่กลุ่มไหน บางคนก็ไม่อยากอยู่กลุ่มอาชีพที่ตนเข้ามา เวลาเลือกตนเห็นว่า ควรดูตามความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ไม่เอาแล้วการจับฉลาก

นางอังคณา กล่าวว่า สว.กลุ่มอิสระเป็นเสียงที่น้อยไม่ถึง 1 ใน 3 ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรถ้าใช้มติเสียงข้างมากก็แพ้อยู่ดี  แต่ถ้าจะให้ประชาชนได้ประโยชน์ ผลงานวุฒิสภาออกมาดีต้องพิจารณาเลือกคนจากความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ แต่ถ้าจะเอาแค่มาเอาตำแหน่งได้เกียรติยศ พวกตนก็คงสู้ไม่ได้ แต่กลุ่มตนยืนยันเคยทำงานด้านที่ต้องการมาก็อยากทำงานต่อ แต่ถ้าสู้ไม่ได้ก็ต้องให้ประชาชนได้จับตามอง

สว.กลุ่มอิสระ กล่าวถึงท่าทีประธานวุฒิสภาว่า ดูเวลาโหวตสว.เสียงข้างน้อยก็แพ้ตลอด คนเป็นประธานกมธ.มีห้องทำงาน มีงบรับรอง ได้เครื่องราชฯทุกปี ใครก็อยากเป็น แต่อยากบอกว่า ถ้าเอาประโยชน์เป็นที่ตั้ง ต้องดูความสามารถเป็นหลัก คนที่จะมาเป็นประธานกมธ.จะต้องดูตัวเองด้วย ไม่ใช่เหมือนที่ได้ยินมาว่า ผลัดกันเป็นคนละปี ได้ฟังแล้วเป็นการเสนอประโยชน์กันเลย ไม่เหมาะสมเป็นผู้ใหญ่กันแล้วไม่ควรเป็นแบบนี้ จึงต้องรอดูการประชุมในวันพรุ่งนี้

“ดิฉันดูแล้วเป็นเสียงข้างน้อยตลอด ถ้าเขาเอาคนของกลุ่มใหญ่มารวมอยู่ในกลุ่มที่ต้องการ พอลงมติเสียงข้างน้อยก็แพ้อยู่ดี และได้ยินมาว่า จะไม่ให้สว.เสียงข้างน้อยได้เป็นประธานกมธ.เลยแม้แต่คณะเดียว สว.กลุ่มเสียงข้างน้อยก็ต้องออกมาช่วยกันยืนยันว่า พวกเรามีความรู้ความสามารถ ถ้าไม่ให้เป็นประธานกมธ.เลยขอเรียกร้องให้ประชาชนช่วยจับตามอง”สว.กลุ่มเสียงข้างน้อยกล่าว

ด้าน นางประทุม วงศ์สวัสดิ์ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) กล่าวว่า ได้ยินข่าวมาเหมือนกันว่าจะมีการล็อคประธานกมธ. ได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา ตนมองว่าเป็นธรรมชาติ ถ้าคุณเจ๋งจริงเราหมอบได้ ยอมให้ทำงานตามที่ต้องการ แต่ถ้าคุณเอาหมอฟันมาทำคลอดแบบนี้เราไม่ยอมถือว่าผิดฝาผิดตัว ตนเป็นสว.มาจากภาคการท่องเที่ยว แต่ถ้าจะเอาคนมาเป็นประธานกมธ.ท่องเที่ยวและกีฬา เอาตำรวจหรือเอาคนหัวสี่เหลี่ยมมาเป็นตนก็ไม่ยอมเพราะงานจะไม่ไปถึงไหนวนอยู่ที่เดิม เอาคนเดิมความคิดแบบเดิมงานก็จะได้แบบเดิม ๆ ตนไม่ยอม

นางประทุม กล่าวว่า คนที่จะมาทำงานจะต้องมีความรู้ความสามารถ ขอวิงวอนการเมืองละเอาไว้ก่อน เพราะการทำงานต้องจริงจัง ตนเคยบอกว่า กีฬากับการท่องเที่ยวต้องแยกคณะกรรมาธิการกันแต่ในที่สุดก็ไม่แยกเอามารวมกันจะปิดฝาปิดตัว ตนก็ต้องแปรญัตติ แต่การเลือกประธานกมธ. 21 คณะถ้าจะล็อกเอาไว้ทั้งหมด ก็ไม่แฟร์ พวกเราต้องส่งเสียงดังทำอะไรสักอย่าง คิดว่าพวกเขาต้องฟังแต่ทุกอย่างลงเอยที่การโหวต สว.หลายคนเห็นด้วยกับแนวคิดตน แต่ก็ต้องดูว่าเขาจะมีอิสระในการลงมติแค่ไหน ก็หวังว่าในวันโหวตสว.จะมีอิสระ อนาคตจะต้องทำงานร่วมกัน ถ้าเอาคนไม่รู้เรื่อง มาทำงาน ก็จะเสียหาย คนเราต้องทำงานร่วมกัน 5 ปี จะมองหน้ากันไม่ติด

สว.เสียงข้างน้อย กล่าวว่า กมธ. 21 คณะ ทราบว่า เขาจะแบ่ง ประธานกมธ.มาให้สว.กลุ่มอิสระบ้าง เช่น กมธ.ต่างประเทศ เขาบอกว่าเขาไม่เอาเพราะไม่มีคน หาคนมาเป็นประธานกมธ.ไม่ได้ สำหรับตนมาจากกลุ่มท่องเที่ยว ถ้าเอาคนที่ไม่ผิดฝาผิดตัวมา คัดเลือกเป็นประธานกมธ.ตนก็รับได้ ตนก็จะลงแข่งด้วยตามกติกา ไม่ใช่เอาหมูหมากาไก่ที่ไหนมาแข่งไม่รู้ ตนเป็นประชาธิปไตยถ้าแข่งขันกันและมีการโหวตแพ้ตนก็ยอมรับได้ตามกติกาประชาธิปไตย

ขณะที่ ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ สว.กลุ่มผู้สูงอายุ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ยินมาเหมือนกันว่ามีการล็อกประธานกมธ.  ตำแหน่งประธานกมธ.ควรสรรหาคนที่เหมาะกับงาน เลือกคนมีศักยภาพเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนมากที่สุด ดีกว่าเลือกใครพวกใคร สำหรับกระบวนการเลือกประธานกมธ.ถ้าปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติสามารถทำได้ ใครสนใจสมัคร คณะไหน คนที่อยู่ในกลุ่มก็จะรู้ว่าใครมีความสามารถ แต่เมื่อเรามาอยู่ในระบบแบบนี้กังวลไปก็ไม่เกิดประโยชน์เพราะกลุ่มที่เขาเข้ามาเป็นกลุ่มเป็นก๊วน เขาก็มีวิธีการของเขา

“ผมอยากให้คิดว่าได้เข้ามาเป็นสว.กันแล้ว มามองประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลักดีกว่า พวกเราต้องกู้ชื่อเสียงที่คนมองว่า มีกลุ่มก๊วนเข้ามายึดสภาสูงจริงเท็จเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่คนเขามองกันแบบนั้น ผมขอให้สว.ทั้ง 200 คนได้พิจารณาเอาประโยชน์ของประเทศชาติ เป็นที่ตั้งหาคนที่เหมาะสมในแต่ละกมธ. ท้ายสุดประโยชน์จะย้อนกลับมาที่สว.เอง สำหรับผมเป็นศ.ดร. ได้อุทิศตัวช่วยคนพิการมาตลอดชีวิต สนใจที่จะเป็นประธานกมธ.ผู้สูงอายุและผู้พิการ ซึ่งได้รวมเด็กเยาวชนสตรีเข้ามาอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย อีกคณะหนึ่งที่สนใจในฐานะอดีตเคยเป็นคณบดีที่จุฬาฯ และอยู่ใน สถาบันอุดมศึกษามาหลายปี สนใจตำแหน่งประธานกมธ.การศึกษาอุดมศึกษา”ศ.ดร.ชาญณรงค์