บิ๊กเด่น สั่ง PCT รวบตัว อดีตทหารกัมพูชา หลบหนีมาซุกไทย หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงเน็ตไอดอล ชาวกัมพูชาเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 15 กันยายน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 หน.ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.(สอบสวน) บก.สส.ภ.2 / รอง หน.ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.สส.จว.ระยอง พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี ร.ต.อ.ภัสส์กร เฉลียวบุญ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุด หน.ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 ร่วมกันจับกุมนายวันเด็ด เยือน อายุ 28 ปี ชาวกัมพูชา เป็นบุคคลอันตรายที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ได้ทีาบริเวณ ม.7 ต.ท่าช้าง อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 14 ก.ย.
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 หน.ศปอส.ตร. (PCT)
โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าว หลบหนีเข้ามา และพักอาศัย อยู่ในราชอาณาจักรไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต” และได้แจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่าสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 63 ผู้ต้องหาเคยรับราชการทหารในประเทศกัมพูชา ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ศรีษะแฟนสาวตนเองเสียชีวิตในประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญเป็นที่สนใจของประชาชนชาวกัมพูชา เพราะผู้เสียชีวิตเป็นเน็ตไอดอล หน้าตาดีมีชื่อเสียงในโลกโซเชียลของประเทศกัมพูชา และมีการตั้งข้อสังเกตุสภาพศพบริเวณใบหน้า มีลักษณะ “ยิ้ม” ขณะเสียชีวิต และมีหมายจับศาลชั้นต้นพนมเปญ ที่ 418/2020 ลงวันที่ 10 เม.ย. 63 ข้อหา “(ฆาตกรรม) ทางกรมตำรวจ ประเทศกัมพูชาโดย พล.ต.อ.วรรณวีระ สม ผู้ช่วย ผบ.ตร.ประเทศกัมพูชา ได้ประสานงาน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร (PCT) ช่วงการประสานงานทลายเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ประเทศกัมพูชาจึงได้สั่งการให้ ตน นำกำลังร่วมกับ ชป.5 ศปอส.ตร. (PCT 5) เฝ้าสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาคดีดังกล่าวเพื่อเป็นความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ในชั้นจับกุมนายวันเด็ดยอมรับว่า “ตนเองเป็นบุคคลต่างด้าว แล้วไม่ได้ไปรายงานตัวต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในประเทศไทยตั้งแต่ เดือน ต.ค. 63 ส่วนในคดีที่ประเทศกัมพูชานั้นยอมรับว่าในวันเกิดเหตุได้มีปากเสียงกับแฟนสาวเพราะทะเลาะกันเรื่อง มีผู้หญิงติดพัน แล้วผู้ตายมาโวยวาย จึงบันดาลโทสะและใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย” หลังเสร็จสิ้นการจับกุม เจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 ได้นำตัวนายวันเด็ด ส่งพนักงานสอบสวน ตม.จว.จันทบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายไทย และประสานเตรียมส่งตัวคนร้ายกลับ ประเทศกัมพูชาตามกฎหมายต่อไป