อดีตผกก.5 บก.ส.1 บุกทวงความดีความชอบให้ลูกน้อง ยศ ด.ต.เข้าจับกุมคนร้ายรายสำคัญ ปะทะกับผู้ก่อความไม่สงบจนบาดเจ็บ เสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาเลื่อนชั้นยศปูนบำเหน็จตามระเบียบ แต่เรื่องเงียบ

เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2565 ที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.พิทักษ์ เอียดแก้ว อดีตผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน ภ.จว.ยะลา เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้กับตำรวจสันติบาล ที่ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ปะทะกับผู้ก่อความไม่สงบจนได้รับบาดเจ็บ แต่ผู้บังคับบัญชาไม่ปูนบำเหน็จให้ตามระเบียบ

ทั้งนี้ พ.ต.อ.พิทักษ์ เอียดแก้ว ซึ่งเคยเป็น ผกก.5 บก.ส.1 และเป็นคณะประสานงานระดับพื้นที่ (สล.3) กอ.รมน.ภาค 4 สน. ได้ยื่นหนังสือถึงพล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้กับตำรวจสันติบาลที่ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเปิดเผยว่า ขอยกตัวอย่างกรณีวีรกรรมของ จ.ส.ต.วุฒิพงษ์ สุพรรณชนะบุรี อายุ 29 ปี ผบ.หมู่ กก.6 บก.ป. เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2565 กก.6 บก.ป. ได้นำกำลังเข้าจับกุมนายจำรัส รักจันทร์ ผู้ต้องหามีหมายจับหลายคดีและมีค่าหัว 100,000 บาท

ซึ่งขณะเข้าจับกุมเป็นเหตุให้ ด.ต.อนันต์ มีแสง ผบ.หมู่ กก.6 บก.ป. สังกัดเดียวกันถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต และยังไม่สามารถนำร่างของผู้เสียชีวิตออกจากที่เกิดเหตุได้ กระทั่ง จ.ส.ต.วุฒิพงษ์ ได้ใช้ปืนเอ็ม 16 ยิงต่อสู้คนร้าย จนสามารถนำร่างของ ด.ต.อนันต์ ออกจากที่เกิดเหตุได้ เหตุการณ์ดังกล่าวมีคนร้ายซึ่งเป็นสมุน ของนายจำรัส รักจันทร์ เสียชีวิต 1 ราย เหตุการณ์ในครั้งนั้นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้แสดงความยินดีและประดับยศร้อยตำรวจตรี ให้แก่ จ.ส.ต.วุฒิพงษ์ สุพรรณชนะบุรี เป็นร้อยตำรวจตรี เนื่องจากเป็นตำรวจที่แสดงถึงความกล้าหาญ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2565

พ.ต.อ.พิทักษ์ เปิดเผยว่า จากวีรกรรมที่กล่าวมาตอนต้น ยังมีข้าราชการตำรวจสังกัด บช.ส. ที่มีความตั้งใจ ทุ่มเท เสียสละ และกล้าหาญ มีผลงานการปฏิบัติมามากมาย ในหลายสถานการณ์ ตำรวจนายนี้คือ ด.ต.ยอดชาย เอียดแก้ว ผบ.หมู่ กก.5 บก.ส.1 (จนท.ตร.ส.ปัตตานี) สร้างวีรกรรมและความกล้าหาญ สมควรได้รับการปรับยศเลื่อนฐานเป็นสัญญาบัตร จากผู้บังคับบัญชาระดับผู้บัญชาการ ดุจเดียวกัน

ทั้งนี้ด.ต.ยอดชาย เอียดแก้ว ได้ปฏิบัติงานร่วมกับกองกำลังในพื้นที่ 3 จชต. ตลอดมา โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2562 ได้ปฏิบัติการตามหมายจับ ป.วิอาญา ต่อนายซารีซาน ดือราแม ซึ่งเป็นคนร้ายที่ได้นำรถยนต์กระบะ (ทะเบียนปลอม) ใช้ถังแก๊สประกอบระเบิดวางไว้ที่หน้า สถานีตำรวจเมืองภูเก็ต เมื่อ 20 ธันวาคม 2556 แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บกู้ไว้ได้ ซึ่งต่อมาทางหน่วย พิสูจน์หลักฐานยืนยันว่า นายซารีซาน ดือราแม เป็นตัวการในการวางระเบิดในครั้งนี้ด้วย โดยมี DNA ของผู้ร้ายรายนี้ปรากฏที่เกิดเหตุด้วย จนกระทั่ง 2 พฤษภาคม 2562 ทางกองกำลังผสมในพื้นที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านไม่มีเลขที่ เป็นบ้านของนางมาซินะห์ สาแม ซึ่งเป็นภรรยาของนายซารีซาน ดือราแม

“การตรวจค้นครั้งนี้ ด.ต.ยอดชายฯ ได้เข้าตรวจค้นในระยะประชิดตัว นายซารีซาน ดือราแม ได้ใช้ปืน ขนาด 11 มม. ยิง ด.ต.ยอดชายฯ ในระยะประชิด จำนวน 5 นัด กระสุนโดนที่สำคัญ เช่น บริเวณหน้าอก ท้อง และแขน แต่โชคช่วยด.ต.ยอดชายฯ ใส่เสื้อกันกระสุน เลยทำให้รอดชีวิตมาได้ บริเวณท้องและแขนเป็นช่องว่างที่เสื้อกันกระสุนครอบคลุมไม่ถึง จนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ และเข้ารักษา ตัวที่ รพ.อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี อยู่ระยะหนึ่ง การปฏิบัติงานของ ด.ต.ยอดชาย เอียดแก้ว เป็นที่ประจักษ์ของเพื่อนร่วมงานและ ผู้นำหน่วยในพื้นที่ตลอดมา กระทั่งเหตุการณ์ที่เข้าตรวจค้นและโดนยิงได้รับบาดเจ็บ ทางผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 หรือแม่ทัพภาค 4 ได้มีหนังสือ ที่ นร 5119.1/1903 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2562 ถึง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรื่องขอความ อนุเคราะห์พิจารณา เลื่อนฐานะเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่ปรากฏว่าเรื่องดังกล่าวได้เงียบหาย ไม่มีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวแต่ประการใด”

พ.ต.อ.พิทักษ์ กล่าวอีกว่า กรณีที่ผู้บัญชาการสอบสวนกลางได้ประดับยศร้อยตำรวจตรี (สัญญาบัตร) ให้กับตำรวจ ภายในหน่วยที่มีผลงานการปฏิบัติงานอย่างกล้าหาญ ซึ่งเป็นวีรกรรมเป็นที่ประจักษ์นั้น เฉกเช่นเดียวกันกับกรณี ด.ต.ยอดชาย เอียดแก้ว ซึ่งเป็นข้าราชการในหน่วยงานของท่าน ที่สร้างวีรกรรมปฏิบัติอย่างกล้าหาญ โดยมีผลงานตลอดมาและปฏิบัติงานเสี่ยงชีวิตจนได้รับบาดเจ็บ จึงขอให้ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ได้โปรดพิจารณาประดับยศร้อยตำรวจตรีให้กับ ด.ต.ยอดชาย เอียดแก้ว เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจในครั้งนี้ด้วย.