นครราชสีมา- ผู้รับเหมา ทิ้งงานสร้างศาลาอเนกประสงค์ เชิดเงินวัดโคราช กว่า 8 ล้านบาท ตัวแทนวัดเร่งขอหลักฐานเบิกจ่ายจากธนาคาร พร้อมรวบรวมหลักฐานเตรียมยื่นฟ้องผู้รับเหมา
จากกรณีชาวบ้าน ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา กว่า 300 คน ได้ออกมารวมตัวกันที่ ศาลาประชาคม วัดดอนไพล ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา เพื่อรับฟังคำชี้แจงจากนายฉัตรชัย แพงกระโทก ผู้ใหญ่บ้านดอนไพล หมู่ 7 , นายนพดล หมู่เกษม ผู้ใหญ่บ้านดอนไพล หมู่ 8 และนายโฉมยง มุขกระโทก ผู้ใหญ่บ้านท่าบ่อ หมู่ 15 เกี่ยวกับปัญหาการก่อสร้างศาลาอเนกประสงค์ มูลค่า 8,350,000 บาท ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ สร้างไม่เสร็จ รวมทั้ง เรื่องเงินรายได้สะสมจากการทอดกฐิน 3 ปี และจัดกิจกรรมเกี่ยวกับพุทธศาสนา อยู่ในบัญชีเงินฝากกว่า 11 ล้านบาท แต่นำมาใช้จ่ายในแต่ละกิจกรรม จนยอดเหลือประมาณ 3 แสนบาทเท่านั้น กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้านในพื้นที่และในโลกออนไลน์เกี่ยวกับความโปร่งใสการดำเนินการของคณะกรรมการวัดดอนไพล
อย่างไรก้ตามคณะกรรมการวัดดอนไพล ได้ออกมาชี้แจงรายละเอียดเบื้องต้น ว่า ทางวัดฯ ได้ว่าจ้าง ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) เอสซีซี เซอร์วิส ดำเนินการก่อสร้างอาคารศาลาอเนกประสงค์ ที่เป็นทั้งศาลาการเปรียญและกุฏิสงฆ์ เริ่มสัญญา วันที่ 18 มีนาคม 2563 มีกำหนดแล้วเสร็จปี 2564 รวมระยะเวลา 1 ปี แต่จนบัดนี้ ปี 2567 ก็ยังไม่แล้วเสร็จ เพราะผู้รับจ้างได้ปล่อยทิ้งงานไว้ ทั้งๆ ที่เบิกเงินค่าจ้างล่วงหน้าไปแล้ว 8 ล้าน 2 แสนบาท เหลือค้างเบิกอีก 6 หมื่นบาทเท่านั้น โดยก่อสร้างตัวอาคารและขึ้นโครงหลังคาเหล็กไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้มุงหลังคาให้ ทางวัดและชาวบ้านกว่า 1,200 ครัวเรือนจึงไม่สามารถใช้อาคารประกอบกิจกรรมทางศาสนาได้ ต้องไปใช้ศาลาหลังเก่าที่ทรุดโทรมแทน
จึงมีการทำประชามติชาวบ้านหาแนวทางแก้ไขปัญหา โดยจะจัดกิจกรรมระดมทุนเพิ่มมาก่อสร้างให้แล้วเสร็จ และแต่งตั้งให้นายอนุชาติ นิลเนาวรัตน์โชติ ทนายความอาสาประจำหมู่บ้าน ดำเนินการทางคดีกับบริษัทผู้รับเหมา ใช้สิทธิเรียกค่าปรับวันละ 2,000 กว่าบาท จนขณะนี้เงินค่าปรับรวมกันกว่า 2 ล้านบาทแล้ว ซึ่งคณะกรรมการวัดฯ ได้สอบถามและนัดบริษัทคู่สัญญามาพูดคุยถึง 4 ครั้ง แต่ไม่มีการมาพบแต่อย่างใด จึงต้องดำเนินการทางกฎหมายเรียกร้องความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด
ขณะที่นายโฉมยง มุขกระโทก ผู้ใหญ่บ้านท่าบ่อ ม.15 ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา หนึ่งในคณะกรรมการวัดดอนไพล กล่าวว่า ทางวัดได้เคยนัดผู้รับเหมามาพูดคุยหลายรอบแล้วเพื่อสอบถามปัญหาว่า ติดขัดตรงไหนจึงไม่ดำเนินการก่อสร้างต่อให้แล้วเสร็จ เพราะอย่างน้อยๆ ที่ซื้อวัสดุและกระเบื้องหลังคาเอาไว้ ก็น่าจะมุงหลังคาอาคารไว้ก่อน ไม่ใช้นำวัสดุมาวางทิ้งเอาไว้จนอาจจะเกิดชำรุดเสียหาย และชาวบ้านที่พบเห็นต่างก็สงสัยกันว่า มีเงินจ้าง แต่ทำไม่จึงทำไม่เสร็จ ทางเราพร้อมจะพูดคุย แต่ผู้รับเหมากลับหลีกเลี่ยงมาตลอด จนต้องประชุมชาวบ้านและได้มติร่วมกันว่า ให้ฟ้องดำเนินคดีกับบริษัทผู้รับเหมา
โดยตอนนี้ทางคณะกรรมการวัดฯ และทนายตัวแทนกำลังติดต่อขอหลักฐานการขอเบิกจ่ายขึ้นเงินกับทางธนาคาร ว่า มีใครมาติดต่อเบิกเงินบ้าง เป็นจำนวนเท่าไร ส่วนทนายความที่แต่งตั้งขึ้นมา ก็กำลังทำเรื่องยื่นฟ้องต่อศาลกรณีที่ผู้รับเหมาผิดสัญญาว่าจ้าง ซึ่งจริงๆ ทางวัดและชาวบ้านไม่อยากมีปัญหากับผู้รับเหมา ซึ่งเงินก็เบิกจ่ายให้ไปเกือบหมดแล้ว ทุกคนแค่อยากจะเห็นศาลาอเนกประสงค์หลังนี้ ก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามสัญญาที่ว่าจ้างเอาไว้
โดย…ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ / นครราชสีมา