จากกรณีที่ชาวบ้าน บ.ธาตุ ม. 5 ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น บันทึกภาพเหตุการณ์ หญิงแต่งกายคล้ายแม่ชี ปีนออกจากหน้าต่างกุฏิพระสงฆ์ ก่อนที่ชาวบ้านจะช่วยกันควบคุมตัวไว้ได้ที่วัดแห่งหนึ่งในเขต อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 7 พ.ค.2567ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่วัดสวาท บ้านธาตุ ม.5 ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น พบพระพี่ชาย และลูกศิษย์ของ พระเอ (เจ้าตัวไม่ขอเปิดเผยชื่อ) และลูกศิษย์วัดกำลังขนย้ายข้าวของ และอัฐบริขารส่วนตัวพระเอไปจำวัดที่อื่น ภายหลังจากรับทราบมติของพระผู้ใหญ่ ที่มีมติให้ย้ายออกไปจากวัด แต่ยังไม่มีการลงโทษถึงขั้นสึกให้ลสาสิกขาไปแต่อย่างใด

ซึ่งบรรยากาศในช่วงขนย้ายสิ่งของนั้น พระเอถึงกับน้ำตาคลอ และพูดบ่นว่ายอมแพ้แล้ว ไม่สู้แล้ว ซึ่งผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าไม่สู้กับอะไร ยอมแพ้ให้อะไร ซึ่งพระเอบอกว่า ถูกคนบางคนบางกลุ่มกลั่นแกล้ง ไม่อยากให้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส เพราะที่ผ่านมาอยู่ที่วัดนี้มากว่า 10 ปี เคยจะขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ได้เป็นรักษาการแต่ก็ถูกหาเรื่องจนถูกปลดเป็นเพียงพระลูกวัด กระทั่งมาเกิดเรื่องนี้ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา

พระเอ กล่าวว่า วันเกิดเหตุแม่ชีไม่ได้ขึ้นมาบนกุฏิและไม่ได้กระโดดออกจากกุฏิ เพราะไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมีตู้เก็บของขนาดใหญ่ตั้งบังอยู่และหากจะเคลื่อนย้ายต้องใช้แรงมากถึงจะสามารถเปิดหน้าต่างที่มีหน้าต่างมุ้งลวดอีกชั้นได้ เนื่องจากเวลาเปิดของหน้าต่างจะชนตู้ ต้องเคลื่อนตู้ให้พ้นรัศมีการเปิดออกมา เมื่อเปิดหน้าต่างไปได้ก็จะมีโครงเหล็กตั้งคอมเพลสเซอร์แอร์ และในจุดดังกล่าวไม่มีไฟส่องสว่างมองเห็น อาจะจะพลาดเหยียบแล้วตกได้รับบาดเจ็บได้ และหลังเกิดเหตุหน้าต่างก็ปิดอยู่ตามเดิม หากอยู่บนกุฏิและกระโดดออกทางหน้าต่างก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก และหน้าต่างบานอื่นก็มีมุ้งลวดเหล็กดัดติดตั้งไว้ทั้งหมด

ด้าน พระบี(นามสมมุติ) อายุ 45 ปี (พระชคัดปาล อภินันโท อายุ 45 ปี)พระลูกวัดดังกล่าว กล่าวว่า จำพรรษาที่วัดแห่งนี้มา 11 ปีแล้ว ส่วนกรณีที่มีชาวบ้านจับตัวหญิงแต่งชุดขาวว่าเป็นแม่ชีกระโดดออกจากกุฏินั้น หญิงรายดังกล่าวชื่อนางซี(นามสมมุติ)เป็นแม่ชีจริง บวชวัดที่วัดบ้านหนองรูแข้ ต.บ้านลาน อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น โดยก่อนหน้านี้ นางซี มีสามีและหย่าขาดกับสามีชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากนั้นได้มาบวชชีที่วัดบ้านหนองรูแข้ ด้วยศรัทธาที่มีต่อพระซีจึงนับถือผูกเป็นพี่น้อง โดยแม่ชีซีนับถือพระเอเป็นพี่ชาย โดยก่อนเกิดเรื่องนั้น แม่ชีได้มาหาพระเอที่วัดแล้วบอกว่า ขับรถเหยียบแมวตาย จึงมาหาพระล้างซวย ล้างบาปให้

” เริ่มทำพิธีในช่วงเย็นวันที่ 30 เม.ย. ต่อด้วยเย็นวันที่ 1 พ.ค.และเย็นวันที่ 2 พ.ค. เป็นเย็นสุดท้ายที่จะทำพิธีล้างซวยให้ ด้วยการเอาน้ำล้างบาตร ราดที่ตัวรถของแม่ชี ต่อมาเย็นวันสุดท้ายคือวันที่ 2 พ.ค นั้น แม่ชีมาพร้อมญาติโยมใช้รถ 2 คัน เมื่อขับรถของตัวเองมาถึงวัด แม่ชีได้จอดรถไว้ที่หน้าศาลธรรมสังเวช จากนั้นก็ออกจากวัดไปกับญาติโยม กลับเข้าวัดมาประมาณ 2 ทุ่ม เมื่อญาติโยมส่งแม่ชีที่วัดแล้วก็ขับรถออกไป จากนั้นจึงทำพิธีล้างซวยที่รถให้ ส่วนแม่ชีก็นั่งในรถ เสร็จพิธีสามทุ่มกว่า จึงเดินเข้ากุฏิ ปิดไฟเมื่อจะนอน จากนั้นก็มีเสียงผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจและชาวบ้านมาเรียกเพื่อขอตรวจค้นกุฏิ จึงออกจากกุฏิมาคุยกันที่ศาลาหน้ากุฏิ และไม่ให้ค้นกุฏิ เพราะไม่รู้ว่าค้นด้วยเหตุใด เกิดอะไรขึ้น จึงไม่ให้ค้น จากนั้นไม่นานก็มีชาวบ้าน ตะโดนบอกว่า จับตัวได้แล้ว และคุมตัวแม่ชีเดินมาที่ศาลาหน้ากุฏิ พร้อมกับบอกว่า คุมตัวแม่ชีไว้ได้หลังจากกระโดดลงมามจากหน้าต่าง”

พระบี กล่าวต่ออีกว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น วันต่อมา ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน เจ้าคณะตำบลและชาวบ้านก็มาพูดคุยกันที่วัด โดยสรุปว่าให้ตนออกจากวัด ซึ่งเมื่อมติของพระและชาวบ้านเห็นตรงกันก็ปฏิบัติตาม ว่าจะออกจากวัด จึงเรียกญาติโยมมาขนของออกจากกุฏิที่วัดสวาท บ้านธาตุ ม.5 ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่นไปอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในตำบลคึมชาติ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น เพื่อความสงบสุขของญาติพี่น้องในหมู่ และไม่ขอปฏิเสธใดๆกับเรื่องดังกล่าว แม้ว่าไม่ได้ทำผิดอะไร ก็ไม่ขอโตเถียง

ด้าน นายประพันธ์ เบ้าหนองบัว อายุ 87 ปี ชาวบ้านที่มาช่วยพระเอขนสิ่งของ กล่าวว่า ตั้งแต่พระเอมาจำพรรษาที่วัด ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร เพราะพระเอเป็นพระที่รู้ขนบประเพณีและรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา และไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินหรืออยากได้เงิน มีแต่ช่วยเหลือคนยากคนจน ใครตายที่ไหน ไม่มีเงินจัดงานศพ ไม่มีโลงศพพระเอช่วยเหลือมาตลอด กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัดครั้งนี้ โดยส่วนตัวมองว่า คนที่จะกระโดดออกจากหน้าต่างกุฏิพระ ต้องบาดเจ็บไม่มากก็น้อย และคงจะกระโดดยาก เพราะหน้าต่างจุดดังกล่าวมีตู้ขนาดใหญ่ตั้งปิดหน้าต่างไว้ ต้องใช้คน 2-3 คน ยกตู้ออกจึงจะเปิดหน้าต่างได้ ส่วนนอกหน้าต่างก็มีเหล็กครอบคอมเพลสเซอร์แอร์ตั้งอยู่ คนที่กระโดดหน้าต่างต้องบาดเจ็บไม่มากก็น้อย

” การที่มีคนมาห้อมล้อมกุฏิพระเอาไว้ ทำไม ไม่จับแม่ชีตั้งแต่ตอนออกมาจากหน้าต่าง ทำไมไปคุมตัวได้ที่รถยนต์ที่จอดอยู่ จึงมองว่า มีขบวนการทำร้ายพระเอ ต้องการจขับไล่พระเอออกจากวัด ส่วนแม่ชีรายดังกล่าวนั้นทราบว่า ผูกความเป็นพี่น้องกับพระเอมานานแล้ว และพยายามจะทำนุบำรุงภายในวัดวัดสวาท บ้านธาตุมาตลอด และไม่เห็นแม่ชีมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และการถูกคุมตัวนครั้งนี้ ก็น่าจะมีคนไม่หวังดีใส่ร้าย เพื่อขับไล่พระเอ ออกจากวัด แต่เมื่อชาวบ้านบางส่วนไม่เอาพระเอ ต้องการให้พระเอออกจากวัดจึงพาพระเอ ไปอยู่ที่วัดในตำบลคึมชาติ อ.หนองสองห้อง จะได้จบปัญหากันไป”

ขณะที่ นายวิชัย วันตา นายอำเภอบ้านไผ่ กล่าวว่า หลังทราบเรื่องได้ให้นายธนา สุขุม ผู้ใหญ่บ้าน บ้านธาตุ มาพบปลัดอาวุโส เพื่อให้ข้อมูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นในช่วงบ่ายจะลงพื้นที่วัดตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนที่จะสรุปเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดรายงานไปยังจังหวัดขอนแก่นและสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่นตามขั้นตอนต่อไปเพื่อพิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่