สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ชายชาวโรฮิงญามากกว่า 300 คน จากหมู่บ้านใกล้เมืองเอกของรัฐยะไข่ ถูกบังคับให้เข้าร่วมการฝึกทหารของกองทัพในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยการเกณฑ์ทหารรอบล่าสุดในหมู่ชนกลุ่มน้อยมุสลิมไร้สัญชาตินี้ เกิดขึ้น 1 เดือนหลังจากชาวโรฮิงญาประมาณ 1,000 คน จากที่ต่างๆ ในรัฐยะไข่ ถูกสั่งให้เข้าร่วมกองทัพเมื่อเดือน มี.ค.
แต่ทั้งนี้ ชายหนุ่มในเมียนมามากกว่า 100,000 คน ได้หลบหนีออกจากบ้านนับตั้งแต่กองทัพประกาศในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมาว่าจะดำเนินการตามกฎหมายเกณฑ์ทหาร เพื่อเสริมกำลังพล หลังกองทัพพ่ายแพ้ในสนามรบหลายครั้ง
รัฐบาลเมียนมาได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองนับตั้งแต่กองทัพโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนในการรัฐประหารปี 2564 ท่ามกลางความพ่ายแพ้ในสนามรบในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ทำให้กองทัพมีแผนที่จะเกณฑ์ชายหนุ่มและหญิงสาวเข้าเป็นทหาร 50,000 คนต่อปี และบังคับเกณฑ์ชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่เพื่อเสริมให้ครบตามจำนวนดังกล่าว
การเกณฑ์โรฮิงญาเป็นทหารเกิดขึ้นในรัฐที่เมื่อ 7 ปีก่อน ทหารได้ทรมาน ข่มขืน และสังหารชาวโรฮิงญาหลายพันคน และทำให้โรฮิงญาเกือบ 1 ล้านคนต้องอพยพหลบหนีเข้าไปในบังกลาเทศ
สำหรับโรฮิงญา 300 คนชุดล่าสุด ถูกนำตัวมาจากหมู่บ้านต่างๆ กว่า 30 แห่งในเมืองสิตตะเวในสัปดาห์นี้ และทั้งหมดมีอายุระหว่าง 18-30 ปี ตามการเปิดเผยของผู้ดูแลหมู่บ้านโรฮิงญา โดยเข้ารับราชการในกองทัพเป็นเวลา 2 ปี
ก่อนหน้านี้รัฐบาลทหารได้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเกณฑ์ทหารตามเมืองต่างๆ 224 แห่งทั่วประเทศ และนับจนถึงสิ้นเดือน มี.ค. มีชายหนุ่มราว 5,000 คน ถูกส่งตัวไปค่ายฝึก 15 แห่ง