สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า สี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีสี ของจีน ประกาสลั่น “การแทรกแซงจากภายนอก” จะไม่สามารถหยุดยั้งปักกิ่งจากการรวมชาติกับไต้หวัน ในระหว่างที่เขาพบปะกับอดีตผู้นำของเกาะปกครองตนเองแห่งนี้ ในความเคลื่อนไหวทางการทูตข้ามช่องแคบที่ไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก
หม่า อิงจิ่ว อดีตประธานาธิบดีไต้หวัน เดินทางมายังจีน ส่วนหนึ่งในสิ่งที่เขาเรียกว่า “การเดินทางเพื่อสันติ” สำหรับสยบความตึงเครียดกับปักกิ่ง ซึ่งอ้างว่าเกาะแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน และไม่เคยปฏิเสธความเป็นไปได้ในการใช้กำลังดึงไต้หวันกลับเข้าไปอยู่ภายใต้การควบคุม
ทั้งนี้ผู้นำจีนแผ่นดินใหย่ ให้การต้อนรับคณะทูตที่นำโดย หม่า ในปักกิ่ง ในช่วงบ่ายวันพุธ(10เม.ย.) ตามรายงานของสื่อมวลชนจีนและไต้หวัน ในการพบปะกันแบบที่ไม่ค่อยพบเห็นนัก ระหว่างผู้นำปัจจุบันหรืออดีตผู้นำของทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ว่าจะในปักกิ่งหรือไทเป และมันเป็นการพบปะกันครั้งแรก นับตั้งแต่การประชุมซัมมิตครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างทั้ง 2 คนในปี 2015 โดยคราวนั้นเกิดขึ้นตอนที่ หม่า ยังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวัน
“ประเทศจีนมีลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ของทั้ง 2 ฟากฝั่งของช่องแคบไต้หวัน และจารึกข้อเท็จจริงไว้ว่า เพื่อนร่วมชาติของเรามีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด” สีกล่าว ในวิดีโอของการประชุมที่ออกอากาศผ่านทางสำนักข่าวทีวีบีเอสของไต้หวัน
“ไม่มีขุมกำลังใดที่สามารถแยกเราได้ ความแตกต่างในทางระบบไม่อาจเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงเชิงภาวะวิสัยที่ว่า เราเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเดียวกันและเป็นคนๆเดียวกัน” สีบอกกับหม่า “การแทรกแซงจากภายนอกไม่อาจหยุดเหตุผลทางประวัติศาสตร์ในการรวมชาติของเรา”
ขณะที่ หม่า กล่าวกับ สี ว่า “คนหนุ่มสาวของ 2 ฟากฝั่งช่องแคบไต้หวัน เป็นตัวแทนอนาคตแห่งชาติจีน ถ้าสงครามระหว่าง 2 ฝ่ายปะทุขึ้น มันจะก่อภาระจนแทบแบกรับไม่ไหวสำหรับประเทศจีน แน่นอนว่า ประชาชนจีนในทั้ง 2 ฟากฝั่งของช่องแคบ มีภูมิปัญญามากพอที่จะจัดการกับประเด็นข้อพิพาทอย่างสันติวิธีและหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง” หม่ากล่าว พร้อมบอกว่าพวกเขาควรคัดค้านการเป็นเอกราชของไต้หวันเช่นกัน
หม่า เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวัน 2 สมัย ระหว่างปี 2008 และ 2016 ในฐานะตัวแทนของพรรคก๊กมินตั๋ง ที่ถูกมองว่าเปิดกว้างแก่จีนมากกว่า