เลขาฯ ป.ป.ส. รับลูก เร่งระดมตามข้อสั่งการรัฐมนตรีฯ ยุติธรรมปิดล้อม เครือข่ายค้ายา “เสี่ยต้อย” หลังก่อเหตุสลดในพื้นที่จ. กระบี่ย้ำ แจ้ง–จับ–จบ โทร สายด่วน ป.ป.ส. 1386
จากกรณี เด็กนักเรียน 3 คน ขี่รถจักรยานยนต์ชนกับรถเก๋ง แล้วถูกคนขับลงมายิงจนเสียชีวิต และเผารถที่ อ.เขาพนมจ.กระบี่ ซึ่งคนร้ายทราบชื่อ คือ นายธีรศักดิ์ บุญเรือง หรือ เสี่ยต้อย เจ้าของร้านเปลี่ยนยางและล้อแม็กรถยนต์ เบื้องต้นรับสารภาพ และให้การว่าเสพยาบ้ามา 2 เม็ด
ต่อเรื่องนี้ นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า “ตามที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้สั่งการให้ สำนักงาน ป.ป.ส. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าสืบสวนสอบสวน และขยายผลในพื้นที่ จ.กระบี่ ถึงขบวนการเครือข่ายค้ายาเสพติดทั้งหมดเพื่อจับกุมและยึดทรัพย์ตัดวงจรให้ได้ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ซึ่งตนได้สั่งการและในวันนี้ (8 กันยายน 2565) ได้กำกับและติดตามในการประชุม ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศปก.ป.ป.ส.) โดยให้เจ้าหน้าที่ ปปส. ภาค 8 ซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ. เขาพนม ทำการเข้าปิดล้อมตรวจค้น และได้รายงานผลการปฏิบัติการลงพื้นที่ปิดล้อม 4 เป้าหมาย ในพื้นที่ ต.พรุเตียว อ. เขาพนม จ.กระบี่
ผ่านระบบการประชุมทางไกล ซึ่งครั้งนี้สามารถจับกุม ผู้ต้องหาได้ 1 ราย ชื่อ นายบ่าว พรหมช่วย บ้านเลขที่ 99 ม.4 ต.สินปูน อ.เขาพนม จ.กระบี่ จากการตรวจค้น พบเมทแอมเฟตามีนจำนวนหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนเพื่อขยายผลต่อไป โดยเป้าหมายรายนี้เป็นเป้าหมายที่ได้ข้อมูลเบาะแสจากประชาชนผ่านช่องทาง สายด่วน สำนักงาน ป.ป.ส. โทร 1386”
นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวทิ้งท้ายว่า “ตนกำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายนักค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้มีการระดมกำลังจากเจ้าหน้าที่จาก สำนักปราบปรามยาเสพติดสำนักงาน ป.ป.ส. สนธิกำลังเข้าร่วมลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนหาความคืบหน้า ทั้งนี้ ขอเชิญชวนทุกหมู่บ้าน ชุมชน ร่วมกันแจ้งเบาะแสยาเสพติด ที่สายด่วน ป.ป.ส. 1386 ซึ่งจะมีรางวัลนำจับ 5% ของทรัพย์สินที่ยึด โดยผู้แจ้งจะได้รับการคุ้มครองความปลอดภัย ข้อมูลทุกอย่างจะเป็นความลับ เมื่อแจ้งมาเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลการข่าวพบความเชื่อมโยงต่างๆ อันจะเป็นประโยชน์สำคัญต่อการดำเนินเข้าจับกุม “แจ้ง–จับ–จบ” ทั้งนี้ นอกจากจะเป็นการให้ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลในพื้นที่ตรงยังช่วยให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ สะดวก รวดเร็ว และเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายด้วย จึงขอให้ทุกคนช่วยกันเพื่อลดความเดือดร้อนของ พี่น้องประชาชนได้อย่างเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาล”