ภายหลังจากที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 2 ม.ค.67 ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบปรับปรุงโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อยกระดับสุราพื้นบ้านสู่การเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทย สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าการเกษตร และส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและจับจ่ายของโลก โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตสินค้าประเภทฟรุ๊ตไวน์ หรือไวน์ผลไม้ที่มีส่วนผสมขององุ่น หรือไวน์องุ่นบางส่วน จากเดิมเก็บภาษีอัตรา คือ ราคาเกิน 1,000 บาทต่อลิตร เก็บภาษีตามมูลค่า 10% และไวน์ราคาไม่เกิน 1,000 บาท เก็บอัตรา 0% ขณะที่ภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์ 900 บาทต่อลิตรนั้น โครงการสร้างภาษีใหม่ จัดเก็บภาษีตามมูลค่าเหลือ 0% และภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์ยังเท่าเดิม 900 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นการปรับโครงสร้างภาษีระยะสั้น 1 ปี มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. – 31 ธ.ค.67 นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา พบว่ามีเกษตรกรนำผลไม้ชนิดต่างๆ มาผลิตฟรุ๊ตไวน์ และนำมาวางจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว แวะมาอุดหนุนกันอย่างคึกคักตลอดทั้งวัน อย่างเช่นที่สวนดอกไม้เมืองหนาวฟลอร่าพาร์ค วังน้ำเขียว ได้มีการนำไวน์องุ่น และฟรุ๊ตไวน์ชนิดต่างๆ มาวางขาย พร้อมกับมีไวน์ตัวอย่างให้นักท่องเที่ยวชิมก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมายืนต่อคิวชิมฟรุ๊ตไวน์ไม่ขาดสาย
น.ส.เปรมจิต บุตรโสภา แม่ค้าร้านขายฟรุ๊ตไวน์ในฟลอร่าพาร์ค เปิดเผยว่า โดยปกติแล้วร้านของตนเองจะขายน้ำผลไม้ชนิดต่างๆ และมีฟรุ๊ตไวน์เสริมบ้างเล็กน้อย เนื่องจากไวน์และฟรุ๊ตไวน์จะมีราคาสูง กังซื้อของลูกค้าก็น้อย แต่ภายหลังจากที่รัฐบาลปรับลดภาษีไวน์องุ่นและฟรุ๊ตไวน์ลง ก็ทำให้ราคาไวน์และฟรุ๊ตไวน์ลดลงขวดละ 200-300 บาท ตนเองจึงได้สั่งฟรุ๊ตไวน์ที่ทำจากผลไม้ชนิดต่างๆ อาทิ มัลเบอร์รี่, กระชายดำ, มังคุด, ข้าวเหนียวดำ, บลูเบอร์รี่, องุ่นเขียว, มะเม่า, แอปเปิ้ล, ลิ้นจี่, พุดซานมสด, อินทผลัม และสตรอเบอร์รี่ เป็นต้น มาวางจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว พร้อมกับมีฟรุ๊ตไวน์ให้ชิมฟรีก่อนตัดสินใจด้วย ผลปรากฏว่าได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมาชิม มาอุดหนุน ซื้อเป็นของฝากจำนวนมาก เพิ่มรายได้ให้กับร้านของตนเองได้เป็นอย่างมาก ซึ่งฟรุ๊ตไวน์เหล่านี้ เป็นสินค้าที่ผลิตมาจากผลไม้ในท้องถิ่นของ อ.วังน้ำเขียว จึงถือว่าเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกษตรได้เป็นอย่างดี เพราะผลไม้ส่วนใหญ่ที่ออกตามฤดูกาล จะมีปริมาณมาก ราคาตกต่ำ ถ้าไม่รีบขายก็จะเน่าเสียทิ้ง
แต่เมื่อนำมาผลิตเป็นฟรุ๊ตไวน์แล้ว จะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับราคาตกต่ำเลย เพราะฟรุ๊ตไวน์สามารถเก็บไว้ได้นาน ยิ่งเก็บไว้นานยิ่งมีราคาสูง ถ้าเป็นฟรุ๊ตไวน์ที่ผลิตได้ไม่ถึง 10 ปี ขนาด 300 มิลลิลิตร จะขายอยู่ที่ขวดละ 380 บาท แต่ถ้าเป็นแบบพรีเมี่ยม เก็บไว้นานเกิน 10 ปีขึ้นไป ขนาด 750 มิลลิลิตร จะขายราคาขวดละ 680 บาท ซึ่งปัจจุบันนี้นักท่องเที่ยวนิยมดื่มฟรุ๊ตไวน์เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากฟรุ๊ตไวน์มีรสชาติดี มาจากการหมักผลไม้กับยีส แอลกอฮอล์เกิดจากธรรมชาติ จึงทำให้มีแอลกอฮอล์ต่ำแค่ 7% เท่านั้น ตนเชื่อว่าการที่รัฐบาลปรับลดภาษีผลิตไวน์และฟรุ๊ตไวน์ จะสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว
ด้านนางราตรี งามเจริญ อายุ 69 ปี นักท่องเที่ยวชาว จ.ระยอง กล่าวว่า ตนเองชื่นชอบการดื่มฟรุ๊ตไวน์อยู่แล้ว เพราะรสชาติดีมาก โดยเฉพาะฟรุ๊ตไวน์ที่ทำจากผลหม่อน หรือมัลเบอร์รี่ เพราะมีกลิ่นหอมและรสชาติหวานนุ่มถูกใจมาก หากรัฐบาลจะส่งเสริมให้ฟรุ๊ตไวน์ของไทย เป็นซอฟต์พาวเวอร์ได้ ก็จะดีมาก เพราะนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติก็ชื่นชอบการดื่มไวน์กันอยู่แล้ว ถ้าสามารถส่งออกไปต่างประเทศได้ก็ยิ่งดีเลย
โดย…ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ // นครราชสีมา