สัปดาห์ก่อน ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เปิดประเด็นการดำเนินคดี “หมูเถื่อน” ล่าช้า ทำให้ผู้กระทำผิดรายใหญ่ยังไม่โดนจับกุม ทั้งที่เป็นนโยบายเร่งรัดโดยนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน สั่งการด้วยตัวเองให้คดีจบโดยเร็ว แต่คดีต้องมาหยุดพักกลางครันนานกว่า 1 เดือน ทำให้เป้าหมายที่จะประกาศชื่อนายทุนเบื้องหลังหมูเถื่อนที่วางไว้สิ้นปี 2566 ต้องมีอันเลื่อนไปไม่มีกำหนด พร้อมถามย้ำหากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) “ไม่อยากทำคดีหมูเถื่อน จะเอามาทำเอง”

ความล่าช้าดังกล่าว กลายเป็นชนวนความเห็นไม่ตรงกันระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากคดีหมูเถื่อนมีการสืบสวน-สอบสวนและขยายผลกันมาเกือบ 2 ปี ได้ผลทั้งหมด 3 คดีใหญ่ คือ 1. คดีบริษัทนาสาครห้องเย็น จำกัด จังหวัดสมุทรสาคร ได้ของกลาง 110 ตัน 2. คดีหมูเถื่อนตกค้างที่ท่าเรือแหลมฉบัง 161 ตู้ ของกลาง 4,500 ตัน (DSI ขยายผลจากข้อ 1) และ 3. หมูเถื่อน 2,385 ใบขนสินค้า ของกลางมากกว่า 60,000 ตัน สำแดงเท็จเป็นโพลิเมอร์และปลาแช่แข็ง เล็ดลอดออกขายทั่วประเทศ (DSI ขยายผลจากข้อ 2.) ซึ่งคดีนี้ ยังไม่ได้เริ่มสอบสวนเลย

สำหรับคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ คืบหน้าไปมากกว่า 50% ออกหมายจับบริษัทนำเข้าแล้ว 10 ราย จากทั้งหมด 18 ราย ได้ผู้ต้องหา 15 ราย ในจำนวนนี้ เป็นนายทุน 2 ราย หากสืบสวนต่อจะสามารถจับนายทุนได้เพิ่มขึ้น แต่คดีกลับสะดุด เนื่องจาก DSI ระดมสรรพกำลังหันไปจับ “ตีนไก่” 10,000 ตู้ แทน เท่ากับต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ในการควานหาหลักฐานเอกสารและสืบพยานบุคคลมาสอบสวนอาจต้องใช้เวลาแรมเดือน โดยวางคดีหมูเถื่อนไว้ในลิ้นชักจนกว่า “คดีนโยบายตีนไก่” จะแล้วเสร็จตามเป้าหมายที่มีนัยทางการเมือง

ถึงจุดนี้ ผู้ได้รับผลกระทบ อาทิ ผู้เลี้ยงหมู และผู้ที่เกี่ยวข้องให้ห่วงโซ่การผลิตและคนในสังคมที่สนใจคดีหมูเถื่อน ออกอาการผิดหวังไปตามๆ กัน แต่ได้ก็หวังว่าคดีนี้จะไม่คว้าน้ำเหลว เพราะการจับปลาหลายมือของ DSI ในความเป็นจริงด้วยศักยภาพของ DSI สามารถแบ่งทีมงานทำ 2 คดี ควบคู่กันไปได้ เพื่อไม่ให้คดีหมูเถื่อนเดินหน้าไปให้สุดไม่เสียแรงเปล่า แต่กลับเฮละโลไปทำคดีใหม่ ทิ้งคดีเก่าไว้ข้างหลัง

จากสาระสำคัญและความคืบหน้าของคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ ที่ DSI เดินหน้าทำงานอย่างม้าศึก ในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับมีการสั่งการตรงให้ปราบปรามหมูเถื่อน จนถึงคำสั่งย้ายอธิบดี DSI ของนายกรัฐมนตรีฯ ทำให้ร้อยเอกธรรมนัส มั่นใจว่า DSI จะไม่แผ่ว สืบสาวถึงนายทุนอย่างครบถ้วนและเปิดหน้าให้สาธารณชนได้เห็นภายในสิ้นปี 2566 แต่ก็ต้องมากลับลำอย่างไม่สบอารมณ์ ด้วยเหตุผลเชิงกฎหมายพื้นฐานว่ายังเปิดเผยชื่อไม่ได้เกรงจะเสียรูปคดี แต่เบื้องหลังทราบกันดีว่ามีอะไรในก่อไผ่ จนมาเฉลยกันว่าที่คดีล่าช้า เพราะ “หมูเถื่อน” สะดุด “ตีนไก่” พิสูจน์ให้รู้กันไปว่าหมูกับตีนไก่ ใครแรงเยอะกว่ากัน

ขณะนี้ คดีหมูเถื่อนยืดยาวมานาน 2 ปี แต่ยังหาตัวผู้กระทำผิดต้นทาง (นายทุน)ไม่ได้ ได้แต่คนกลาง (ผู้นำเข้า) และปลายทาง (สายเรือ) ซึ่งชื่อผู้กระทำผิดถูกเปิดเผยอย่างต่อเนื่อง หากภาครัฐออกแรงเพิ่มอีกหน่อยก็จะจับนายทุนหรือคนบงการนำเข้าได้เรียบร้อยโรงเรียนจีนไปแล้ว แต่ก็ยังได้เพียงชื่อย่อนักการเมือง ได้นายทุน 2 คน ที่เข้ามอบตัว ได้นอมินีอีกบางส่วน คดีที่ล่าช้าอยู่ในขณะนี้ให้ถือว่าเป็นช่วง “ฮอลิเดย์” ของหมูเถื่อน เปิดโอกาสให้จำเลยได้เตรียมข้อมูลมาสู้คดีทุกข้อกล่าวหา ให้รอดพ้นจากโทษทัณฑ์ตามกฎหมาย

เพื่อให้คดีหมูเถื่อน เดินหน้าไปตามขั้นตอนตามกฎหมายโดยเร็วและไม่หยุดชะงัก เห็นทีนายกรัฐมนตรีฯ ต้องออกแรงอีกครั้งลงมาบัญชาการรบด้วยตัวเอง และขอให้ประกาศแบบเบอร์ใหญ่ “หากไม่สำเร็จภายใน…..วัน/เดือน ขอให้ตั้งทีมสอบสวนชุดทำงานหมูเถื่อนของ DSI แทน” เพื่อเปิดทางให้ทีมใหม่เข้าสานต่อให้เห็นผลสัมฤทธิ์ ปราบปรามให้หมดสิ้นในเร็ววัน

โดย… ศิระ มุ่งมะโน นักวิชาการอิสระ