“รวมไทยสร้างชาติ”ยื่นร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขต่อรองประธานสภาฯ แล้ว หวังใช้เวทีสภาฯออกกฎหมายสร้างความสามัคคีในประเทศ ย้ำ 3 จุดยืนพรรคไม่นิรโทษกรรมให้ผู้ทำผิด ม.112 -คดีทุจริต-ฆ่าคนตาย

เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2567 ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมด้วย 14 สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ยื่นร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ต่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้บรรจุในระเบียบวาระการประชุมสภาฯ

นายอัครเดช กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณรองประธานสภาฯที่มารับร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขด้วยตนเอง เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาฯ ตนในนามของผู้บริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ได้มอบหมายให้ตนพร้อมด้วยสส.ของพรรค ซึ่งเจ้าของญัตติคือ นายวิชัย สุขสวาสดิ์ สส.ชุมพร มาเพื่อยืนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นนโยบายของพรรครวมไทยต่างชาติที่ต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ หลังจากประเทศเรามีความขัดแย้งทางด้านการเมืองมาเป็นเวลานานหลายสิบปี วันนี้พรรคต้องการให้ความขัดแย้งหายไปเพื่อใช้กลไกของสภาออกกฎหมาย พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขต้องการให้มีการนิรโทษกรรมผู้ชุมนุมทางการเมือง เพื่อต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้

นายอัครเดช กล่าวย้ำว่า หลักการสำคัญของพ.ร.บ.ฉบับนี้คือ 1.จะไม่นิรโทษกรรมผู้ที่ละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112 ถือเป็นจุดยืนสำคัญของพรรค 2.ไม่นิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ทำการทุจริตคอรัปชั่น และ 3.ไม่นิรโทษกรรมให้ผู้ที่กระทำความผิดอาญาอย่างร้ายแรง เช่น ฆ่าผู้อื่น หรือทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้สูญเสียแก่ชีวิต ทั้ง 3 ข้อนี้คือจุดยืนของพรรคจึงได้เสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ให้เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ

ด้านนายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ ผู้เสนอญัตติ กล่าวว่า ขอขอบคุณรองประธานสภาฯที่มารับร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขด้วยตนเอง ต้องยอมรับว่าตลอดเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ประชาชนแบ่งแยกเป็นฝ่าย มีการต่อต้านรัฐบาลที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองตลอดมา โดยรัฐบาลในสมัยนั้นก็ได้ยกระดับการบังคับใช้กฎหมายอาญาอย่างเข้มงวด ทำให้การแสดงออกทางการเมืองของประชาชนเป็นการกระทำความผิดกฎหมายมาโดยตลอด

“วันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติเห็นว่าประเทศชาติควรเดินไปสู่เป้าหมายแห่งความปรองดองได้แล้ว เราต้องการให้ประเทศเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคดีในอดีตเมื่อมาเจอคดีอาญาหรือคดีแพ่งทำให้พวกเขาถูกตัดสินหลายเรื่อง ทำให้การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศเป็นไปได้ยาก วันนี้จึงเป็นจุดหมายที่ดีทางการเมืองไทย ประชาชนไม่มีความขัดแย้งแล้ว จึงควรมาร่วมกันพัฒนาประเทศชาติ สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในประเทศ”นายวิชัยกล่าว

ขณะที่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ถือเป็นความใจกว้างเป็นความตั้งใจของสส. ยังมีร่างพ.ร.บ.ในลักษณะเดียวกันบรรจุในวาระการประชุมอยู่แล้ว ตนจะกลับไปดูว่ามีฉบับไหนบ้างที่มีเนื้อหาลักษณะเดียวกัน จะได้เสนอเข้าประกบพร้อมกัน เพราะถ้ายังรอคิวอยู่จะทำให้การพิจารณาล่าช้า อย่างไรก็ตามหลายปีที่ผ่านมาสังคมยังไม่สงบยังมีความขัดแย้งอยู่ ร่างพ.ร.บ.ลักษณะนี้จะพิจารณาลำบาก แต่วันนี้ความขัดแย้งได้หมดไปแล้วจึงเป็นช่วงที่พวกเราต้องสามัคคีร่วมกันพัฒนาประเทศ ดังนั้นตนจะรีบบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาฯเพื่อให้พิจารณาได้เร็วที่สุด และหลายพรรคมีเจตนาดี คิดว่าคงไม่มีปัญหาในการพิจารณา