นายกรัฐบาลคิกออฟ 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว นำร่องร้อยเอ็ด แพร่ เพชรบุรี และนราธิวาส เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพหน่วยบริการทุกระดับทั้งรัฐและเอก
เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ที่ลานสาเกตนคร หน้าหอโหวด 101 จังหวัดร้อยเอ็ด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานเปิดกิจกรรม Kick off “30 บาท รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนสภาวิชาชีพ ผู้นำท้องถิ่น อสม. ชมรมผู้สูงอายุ และประชาชน จำนวน 10,101 คน เข้าร่วมพิธีเปิด พร้อมกับอีก 3 จังหวัดนำร่อง คือ แพร่ เพชรบุรี และนราธิวาส
นายเศรษฐา กล่าวแสดงความยินดีที่ได้มาเปิดงาน นโยบาย “30 บาท รักษาทุกที่” พร้อมขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สภาวิชาชีพต่าง ๆ รวมทั้งประชาชน พี่น้อง อสม. ในจังหวัดร้อยเอ็ดและทุกจังหวัดนำร่อง ได้ร่วมมือกันผลักดันนโยบายนี้ ให้สำเร็จเป็นรูปธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งการยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้ประชาชนสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลทุกที่ทั้งรัฐและเอกชน เป็นหนึ่งในนโยบายรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา
นอกจากนั้น เป็นนโยบายเน้นหนักของกระทรวงสาธารณสุขที่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ ผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพจากหน่วยบริการทุกระดับ ทุกสังกัด และยกระดับหน่วยบริการให้เป็นโรงพยาบาลอัจฉริยะ (Smart Hospital) นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้จัดบริการสุขภาพ อาทิ ประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ การออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัล ใบสั่งยาและใบสั่งแล็บออนไลน์ การแพทย์และเภสัชกรรมทางไกล การนัดหมายออนไลน์ ส่งยาและเวชภัณฑ์ที่บ้านผ่าน Health Rider และการส่งยาทางไปรษณีย์ เป็นต้น โดยคำนึงถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้ช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล ลดระยะเวลารอคอยและลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประชาชน
“หวังว่านโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว จะช่วยให้คนไทยทุกคนได้รับการดูแลสุขภาพได้ทุกที่ ให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง มีพลังในการดำเนินชีวิต และมีคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่อไป” นายกฯกล่าว
ด้าน แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้จะเป็นอีกหนึ่งวันประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เพราะระบบสาธารณสุขไทยได้รับการยกระดับให้ทันสมัย ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาจัดการข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานทำให้ระบบสาธารณสุขไทยดียิ่งขึ้น และพี่น้องประชาชนจะได้รับบริการที่ดีมากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเข้าถึงง่ายมากขึ้น ซึ่งนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค มีมากว่า 22 ปีแล้วโดยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่นำโดยอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ และถึงเวลาแล้วที่เราจะพัฒนานโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ให้เป็น ‘30 บาทรักษาทุกที่’ สร้างระบบสาธารณสุขของไทยให้ดียิ่งขึ้น มีบริการที่ดี ทั่วถึง รวดเร็วและทันสมัยมากยิ่งขึ้น
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในอดีตรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ภายใต้การนำของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เริ่มต้นโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคที่จังหวัดนำร่อง ภายหลังจัดตั้งรัฐบาลได้เพียง 2 ปี หลังจากนั้นก็ทยอยทำจนครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ และในวันนี้รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เริ่มต้นนโยบาย ‘30 บาทรักษาทุกที่’ นำร่อง 4 จังหวัด คือ ร้อยเอ็ด แพร่ เพชรบุรีและนราธิวาสและหลังจากนี้จะมีการดำเนินนโยบายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งพี่น้องประชาชนจะไม่ต้องเสียเวลาไปรักษาที่โรงพยาบาลตามทะเบียนบ้าน ไม่ต้องรอรับยานานเกินไป การตรวจเลือด ซักประวัติ วัดความดันก่อนพบแพทย์ก็สามารถทำได้เลยที่สถานีอนามัยหรือคลินิกใกล้บ้านเครือข่ายของ สปสช. และบางกรณีก็ไม่จำเป็นต้องมาที่โรงพยาบาลเพราะสามารถพบแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ เมื่อรับยาไปแล้วก็สามารถปรึกษากับเภสัชกรผ่านออนไลน์ได้เช่นเดียวกัน รวมไปถึงการนัดออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อม
“เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่านโยบายนี้จะสามารถเปลี่ยนชีวิตของพี่น้องประชาชนได้ตลอดกาลเหมือนที่เคยทำได้มาแล้วจากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคเคยทำมาแล้ว ซึ่งเมื่อ 22 ปีที่แล้วเราเริ่มนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคในวันที่ 8 เมษายน ในวันนี้ 7 มกราคม 2567 ซึ่งผ่านมาแล้ว 22 ปีแล้ว เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปจะช่วยให้นโยบายของเราพัฒนาและแข็งแรงมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาสานต่อโครงการที่ดีมากๆ อยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์พี่น้องประชาชนตามยุคสมัยมากขึ้น” รองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ กล่าว
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอขอบพระคุณผู้ที่ผลักดันและสร้าง 30 บาทรักษาทุกโรคในอดีต คือนายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ อดีตเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และที่สำคัญคือการผลักดันอย่างเต็มที่ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ทำให้ประเทศไทยมีโครสร้างหลักประกันสุขภาพที่ดี ซึ่งขณะนั้นเมื่อได้มีการเสนอนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคไป ก็มีหลายวาทกรรมและหลายข้อครหาซึ่งไม่เข้าใจความตั้งใจของเรา แต่วันนี้ทุกท่านได้เห็นแล้วว่า 30 บาทรักษาทุกโรคได้เปลี่ยนชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้นได้จริงๆ นั่นแปลว่านโยบายที่ดีสามารถเปลี่ยนชีวิตเราทุกคนได้จริงๆ วันนี้รัฐบาลชุดนี้เข้ามารับไม้ต่อทำให้ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็น 30 บาทรักษาทุกที่ และเราจะไม่หยุดพัฒนานโยบายที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข กำหนดขับเคลื่อนใน 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ แพร่ เพชรบุรี นราธิวาส และร้อยเอ็ด จากนั้นระยะที่ 2 จะขยายอีก 8 จังหวัด คือ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สิงห์บุรี สระแก้ว หนองบัวลำภู นครราชสีมา อำนาจเจริญ และพังงา และขยายทั่วประเทศภายใน 1 ปี โดยจัดงานเปิดตัวขึ้นที่ร้อยเอ็ด พร้อมกับอีก 3 จังหวัดนำร่องเพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ซึ่งวันนี้ได้มีการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลจตุรพักตร์พิมาน ร้านยา ร้านแล็บ คลินิกเวชกรรม คลินิกทันตกรรม และโรงพยาบาลร้อยเอ็ด พบว่ามีความพร้อมในการขับเคลื่อนเต็มร้อย
จากนั้น นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี รองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ผู้บริหารสาธารณสุข ทำพิธีเปิด Kick off นโยบาย “30 บาท รักษาทุกที่” โดยการเสียบบัตรประชาชนลงบนกล่อง Reader card กลางเวที ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ