ตำรวจไซเบอร์แกะรอยเส้นทางการเงิน ถือหมายจับบุกรวบ 6 หนุ่มสาวบัญชีม้าขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในหลายจังหวัด แฉมีนายทุนจีนเทาเป็นหัวหน้า มีชาวเขมรเป็นคนกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม ออกอุบายหลอกเมียหมอให้หลงกล ยอมกรอกข้อมูลส่วนตัวในแอปธนาคารปลอม ก่อนโอนเงินออกจากบัญชีเหยื่อ 4 ครั้งในเวลา 30 วินาที สูญเงินไปเกลี้ยงกว่า 1.5 ล้านบาท

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พ.ต.อ.นิพนธ์ บุญเกิด รรท.ผบก.สอท.2 สั่งการให้ พ.ต.อ.ศาตรา สุขานุศาสตร์ ผกก.1 บก.สอท.2 พ.ต.ท.เอกรินทร์ สนนาค สว.กก.1 บก.สอท.2 นำกำลังพร้อมหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี จับผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 6 คน มีนายชโนทัย วงษ์ฤทธิ์ อายุ 32 ปี ชาว จ.สระบุรี น.ส.ทิวาคอง ชื่นกมล อายุ 49 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด น.ส.จารุวรรณ วังหลวง อายุ 22 ปี ชาว จ.กำแพงเพชร นายสุริยา จันทะราช อายุ 29 ปี ชาว จ.นครพนม นายศรัญญู ตระกูลใต้ อายุ 27 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช และ น.ส.กานดา เข็มอุทา อายุ 29 ปี ชาว จ.ปทุมธานี

ผู้ต้องหาทั้งหมดมีความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์, ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดย มิชอบ, ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกัน, ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกัน, ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของ ผู้อื่นโดยมิชอบ, ร่วมกันโดยทุจริตหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และร่วมกันฟอกเงิน”

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีผู้เสียหาย อายุ 68 ปี เป็นภรรยาของนายแพทย์ที่เกษียณราชการไปแล้ว ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์มือถือจากแก๊งมิจฉาชีพ อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย แจ้งว่า รัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือผู้ใช้แอปพลิเคชันถุงเงินที่ต้องเสียภาษีจำนวนมาก จะแจกเงิน 5,000 บาท เป็นเวลา 2 เดือน ผู้เสียหายหลงเชื่อและเลือกรับเงิน ผ่านแอปพลิเคชัน กลุ่มมิจฉาชีพให้เพิ่มเพื่อนกับผู้ใช้ไลน์ Krungthai Bank ด้วยหมายเลขโทรศัพท์มือถือ จากนั้นพูดคุยสอบถามยืนยันชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ของผู้เสียหาย แนะนำให้ทำธุรกรรมผ่านทางลิงก์ เว็บไซต์ และสนทนาผ่านโทรศัพท์มือถือไปพร้อมกัน

เมื่อผู้เสียหายเข้าใช้งานเว็บไซต์ดังกล่าวปรากฏ หน้าเว็บเพจมีลักษณะคล้ายแอปพลิเคชันถุงเงิน ผู้เสียหายกรอกข้อมูล ชื่อ นามสกุล เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน วันเดือนปีเกิด อีเมล สแกนใบหน้ายืนยัน ตัวตน และกดรับรหัส OTP เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จ มิจฉาชีพแจ้งว่าข้อมูลของผู้เสียหายไม่ผ่าน จะต้องเปลี่ยนธนาคารจากธนาคารกรุงไทยเป็นธนาคาร ไทยพาณิชย์ และทำตามขั้นตอนเดิม หลังกรอกข้อมูลเสร็จ มิจฉาชีพออกอุบายว่าข้อมูลของผู้เสียหายไม่ผ่านอีก ต้องเปลี่ยนจากธนาคารไทยพาณิชย์เป็นธนาคารกรุงเทพ และให้กรอกข้อมูลส่วนตัวอีกเป็นครั้งที่สาม แต่ครั้งนี้ผู้เสียหายเริ่มเอะใจว่าถูกหลอก บอกไม่ขอรับเงิน 5,000 บาทแล้ว

ระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายเกิดค้าง ใช้งานไม่ได้ และไม่ปรากฏการแจ้งเตือนใดๆ ผู้เสียหาย รีบกดวางสายและเข้าตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ พบมีข้อความจากธนาคารกรุงไทยและธนาคารไทยพาณิชย์ แจ้งว่า มีการยืนยันตัวตนเข้าสู่ระบบผ่านอุปกรณ์เครื่องอื่น และมีเงินถูกโอนออกจากบัญชีของ ผู้เสียหาย โดยที่ไม่ได้ทำธุรกรรมการโอนเงินเป็นจำนวน 4 ครั้ง ภายในเวลา 30 นาที จนหมดเกลี้ยงบัญชี รวมเป็นเงินกว่า 1.5 ล้านบาท

ต่อมา ชุดสืบสวน กก.1 บก.สอท.2 ได้แกะรอยเส้นทางการเงิน พบความเชื่อมโยงและผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ทั้งหมด 15 คน รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับไปแล้ว 12 คน อยู่ระหว่างขออนุมัติ หมายจับเพิ่มอีก 3 คน จับกุมได้แล้ว 6 คน มีชาวจีน ที่เตรียมออกหมายจับเป็นตัวการสำคัญระดับสั่งการ และชาวกัมพูชา ทำหน้าที่กดเงินออกจากตู้เอทีเอ็ม ถูกออกหมายจับแล้ว อยู่ระหว่างติดตามตัว สอบสวนกลุ่มผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้รับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร เมื่อช่วงเดือน พ.ค. ก่อนนำมาขายให้กับผู้รับซื้อในราคาบัญชีละ 300-1,000 บาท ไม่รู้ว่าผู้รับซื้อจะนำไปใช้ในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คุมตัวส่ง บก.สอท.2 ดำเนินคดี