“อัครเดช”โฆษกรวมไทยสร้างชาติ วอนประชาชน ต่อไปเลือกสส.ต้องดูภูมิหลังของคนที่จะเลือกเข้าไปเป็นผู้แทนฯด้วย อย่าดูที่พรรคอย่างเดียว ยอมรับสส.คุกคามทางเพศกระทบภาพรวม

เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2566 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงพฤติกรรมของสส.พรรคก้าวไกล คุมคามทางเพศว่า ตนไม่อยากไปก้าวล่วงถึงการจัดการภายในพรรคก้าวไกล กรณีที่จะดำเนินการกับสส.ที่คุกคามทางเพศอย่างไร เพราะแต่ละพรรคมีวิธีการบริหารจัดการแตกต่างกันไป แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ จะเป็นเครื่องบ่งชี้ในอนาคต เพื่อให้ประชาชนต้องตระหนักถึงการเลือกผู้แทนเข้ามาทำหน้าที่เป็นสส.ในสภาฯ ไม่ใช่เลือกจากพรรคการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูคุณสมบัติ และผลงานของแต่ละบุคคลที่ลงสมัครด้วย

นายอัครเดช กล่าวว่า ในอนาคตตนอยากให้ประชาชนได้พิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่อาสามาเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย ว่ามีภูมิหลังอย่างไร ทั้งวุฒิการศึกษา ประวัติในการทำงาน ความรู้ความสามารถ ประวัติการมีคดีและพฤติกรรมส่วนตัวมีความด่างพร้อยหรือไม่

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาประชาชน อาจจะเลือกสส.จากพรรคการเมืองที่สังกัด โดยไม่ได้ดูคุณสมบัติส่วนตัวของคนที่แต่ละพรรคเสนอให้เลือก ดังนั้นเหตุการณ์ในครั้งนี้จะเป็นอุทาหรณ์ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า จะต้องพิจารณา โดยดูหลายองค์ประกอบ มาเป็นส่วนในการตัดสินใจ ไม่ใช่ดูจากพรรคที่สังกัดอย่างเดียว

“พรรคการเมืองต้องให้เกียรติประชาชน ควรส่งคนที่มีคุณสมบัติพร้อมให้ประชาชนเลือกด้วย ไม่ใช่ส่งคนที่ไม่เคยผ่านการทำงานเพื่อส่วนรวมมาเลย หรือมีพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงการทำผิดกฎหมายแล้วมาให้พี่น้องประชาชนเลือก เหมือนที่เคยมีบางพรรคการเมืองกล่าวไว้ ส่งเสาไฟฟ้าลงก็ได้รับเลือกตั้ง เหตุการณ์สส.คุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อยากให้พี่น้องประชาชนใช้เป็นอุทาหรณ์ในการเลือกสส.ครั้งต่อไป ต้องดูภูมิหลัง และประวัติของคนที่แต่ละพรรคส่งมาให้เลือกด้วย” นายอัครเดชกล่าว

โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวยอมรับว่า เหตุการณ์สส.คุกคามทางเพศในครั้งนี้หลีกเลี่ยงผลกระทบที่มีต่อนักการเมืองโดยรวมไม่ได้ แต่ตนอยากให้ประชาชนได้เข้าใจว่า พฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมส่วนบุคคล ทุกวงการมีทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่ถ้าใครเป็นคนไม่ดี อยากให้ประชาชนได้จดจำ เพื่อเป็นบทเรียนในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าพรรคไหนส่งคนที่มีประวัติไม่ดีมาก็อย่าไปเลือก แต่ละพรรคต้องกรองมาก่อน ประชาชนก็ต้องกรองอีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้ได้นักการเมืองที่มีคุณภาพมาเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะสส.มีความสำคัญเข้าไปใช้อำนาจทางนิติบัญญัติและบริหาร ถ้าเลือกคนไม่ดีเข้ามาก็จะได้ผู้แทนราษฎรและรัฐบาลที่ไม่ดีเข้ามาด้วย ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง