ตชด.43-ตชด.ภาค 4 บุกจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดลำเลียงจากภาคกลางลง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งออกไปยังประเทศที่ 3 พร้อมยึดของกลางเฮโรอีน 38 แท่ง น้ำหนัก 14 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท รับสารภาพทำมาแล้ว 3 ครั้ง

พล.ต.ต.สมกูล กาญจนอุดมการณ์ ผบก.ตชด.ภาค 4 เปิดเผยว่า ตชด.43 สนธิกำลังตชด.ภาค 4 ได้จับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ได้ผู้ต้องหา 1 ราย นายจำนาญ ไชยฤทธิ์ อายุ 43 ปี พร้อมของกลางเฮโรอีนอัดแท่งจำนวน 38 แท่ง น้ำหนัก 14 กก. มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท รวมทั้งยึดรถเก๋ง โตโยต้า คัมรี่ 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง และยังขยายผลตรวจยึด และอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหารายนี้อีก 3 รายการ คือ รถเก๋ง ซูซูกิ สวิฟ 1 คัน, รถยนต์กระบะ อีซูซุ ดีแมก 1 คัน และสมุดบัญชีเงินฝากอีก 3 เล่ม

สำหรับการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพรายสำคัญคนนี้สืบเนื่องจากชุดจับกุมได้รับแจ้งว่านายจำนาญ ไชยฤทธิ์ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด (เฮโรอีน) และจะทำหน้าที่รับจ้างขนยาเสพติดจากภาคกลางลงมาให้กับกลุ่มผู้ค้าในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และในวันที่ 22 ต.ค.66 คาดว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจากภาคกลางล็อตใหญ่ลงมา โดยจะใช้รถเก๋งโตโยต้าคัมรี่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 5-กศ-4821 กรุงเทพฯ เป็นยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติด

ต่อมาชุดจับกุมได้เฝ้าติดตามรถเป้าหมาย กระทั่งในช่วงเที่ยงของวันดังกล่าวได้มีรถเก๋ต้องสงสัยคั้นนี้ขับผ่านมาที่จุดตรวจป้อมจุดตรวจทางหลวง ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อ จ.สงขลา กับจังหวัดภาคใต้ตอนบน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวและขอตรวจค้นภายในรถ

โดยมีผู้ต้องหาคือนายจำนาญ ไชยฤทธิ์ เป็นคนขับมาเพียงลังและพบของกลางเป็นเฮโรอีนทั้งหมดจำนวน 38 แท่ง น้ำหนัก 14 กก. ที่แอบซุกซ่อนเอาไว้ในช่องลับบริเวณหลังเบาะนั่งด้านหลังคนขับ จึงตรวจยึดเอาไว้และควบคุมตัวมาสอบสวน

เบื้องต้น จากการสอบถามนายจำนาญ ให้การยอมรับว่า ตนเองได้รับคำสั่งจากนายหม่อง ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ให้เดินทางไปลำเลียงยาเสพติด (เฮโรอีน) จากพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อนำไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ จ.นราธิวาส

โดยตนเองได้ทำมาแล้วก่อนนี้จำนวน 3 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งจะได้รับเงินค่าจ้างแท่งละ 10,000 บาท และครั้งนี้ตนเองจะได้รับค่าจ้างในการลำเลียงยาเสพติดเป็นเงินจำนวน 380,000 บาท แต่กลับมาถูกเจ้าหน้าที่สืบทราบและจับกุมได้เสียก่อน จึงยังไม่ได้รับค่าจ้างในครั้งนี้

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน)โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในประชาชน โดยผิดกฎหมาย

ด้านเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เปิดเผยว่า ยาเสพติด (เฮโรอีน) ที่ถูกจับได้ในครั้งนี้ หากส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านจะมีมูลค่าถึง 20 ล้านบาท.