ตำรวจสืบ 6 รวบหนุ่มเซราะกราว ผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำหน้าที่สาย 2 แสดงตนเป็นตำรวจระดับร้อยเวรประจำโรงพัก สารภาพนั่งโต๊ะทำงานอยู่ปอยเปตเป็นสมุนรับใช้จีนเทาต้มเพื่อนร่วมชาติ เผยรับสายเหยื่อวันละประมาณ 10 สาย ได้ค่าจ้างเดือนละ 3 หมื่นบาท บวกคอมมิชชันจากยอดเงินที่ตุ๋นเหยื่อได้อีก 3% รับเคยทำยอดได้เดือนละ 5 ล้านบาท

พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.น.6 สั่งการให้ พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม ผกก.สส.บก.น.6 นำกำลังจับกุมนายไชยนันท์ หลาบนอก อายุ 20 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ตามหมายจับศาลอาญาลงวันที่ 4 พ.ย.65 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอม พิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและร่วมกันฟอกเงิน จับกุมได้ที่หน้าสถานีขนส่งหมอชิต ถนนกำแพงเพชร 2 แขวงและเขตจตุจักร กทม. เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 65 นายไชยนันท์ ผู้ต้องหารายนี้ ได้รับการติดต่อจากเพื่อนให้ไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่จังหวัดปอยเปต ประเทศกัมพูชา เดินทางโดยใช้เส้นทางธรรมชาติ เสียค่าเข้า 3,500 บาท ต่อการผ่านแดน 1 ครั้ง
โดยมีนายหน้าเป็นชายชาวกัมพูชาพาข้าม ก่อนทำหน้าที่คอลเซ็นเตอร์จะต้องฝึกเขียนสคริปต์ เพื่อได้รู้วิธีการหลอก เมื่อเริ่มชำนาญได้ทำหน้าที่เป็นสายโทร.เข้าที่ 2 แสดงตัวเองว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ละวันมีสายติดต่อประมาณวันละ 10 สาย ได้ค่าจ้างประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ ยังมีคอมมิชชันจากการหลอกผู้เสียหายอีก 3% หลังหักให้บัญชีม้าไปแล้ว เดือนที่ผู้ต้องหาทำยอดได้สูงสุดต่อเดือนประมาณ 5 ล้านบาท

นายไชยนันท์ ให้การรับสารภาพอีกว่า ขั้นตอนการหลอกเหยื่อ สายที่ 1 จะได้เบอร์จากการยิงแอดเพื่อหาข้อมูลผู้เสียหาย เมื่อได้เบอร์มาแล้วจะโทร.ไปหลอกผู้เสียหายโดยแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ขนส่งสินค้าข้ามประเทศ จากนั้นระบบจะโอนสายมายังสายที่ 2 คือตนทำหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร้อยเวรประจำโรงพัก อ้างว่ารับคดีออนไลน์และคุยรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เสียหาย เลขบัญชีที่ถืออยู่ และสายที่ 3 จะทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสารวัตรขึ้นไป ขู่ให้โอนเงินมาเพื่อตรวจสอบ ถ้าไม่โอนจะอายัดบัญชี และจะต้องโทษตามกฎหมาย ทำแบบนี้ มาแล้วปีกว่าๆกระทั่งถูกจับกุม อีกทั้งยังให้การรับสารภาพว่ามีชายชาวจีนชื่อ มิงตู้ เป็นเจ้าของเครือข่าย ดูแลพนักงานที่ปอยเปตทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลว่า นายไชยนันท์ ยังเป็นผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับคดีเดียวกัน อนุมัติหมายจับโดยศาลจังหวัดสระแก้ว เมื่อปี 65 นำส่ง พงส.บก.สอท.5 บช.สอท.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป