รู้จัก “เยรูซาเลม” นครศักดิ์สิทธิ์ของ 3 ศาสนา ได้แก่ อิสลาม คริสต์ และยูดาห์ เมืองโบราณอายุกว่า 4,000 ปี ที่ผ่านทั้งการอยู่อาศัย การยึดครอง การทำลายล้าง และสร้างขึ้นใหม่หลายครั้ง และปัจจุบันก็ยังดำรงอยู่กลางพื้นที่ของความขัดแย้ง
เมื่อการต่อสู้ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาเกิดขึ้นอีกครั้งครั้งล่าสุด ทั่วโลกหันมาให้ความสนใจกับพื้นที่ความขัดแย้งแห่งนี้อีกครั้ง และเป็นการต่อสู้ที่มีประชาชนบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก โดยสถานการณ์ในปัจจุบันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง
ข้อพิพาทระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องหลายสิบปี และนับแต่ยุคโบราณ ในพื้นที่แห่งนี้ผ่านการยึดครอง ความขัดแย้ง และสงครามมาอย่างยาวนาน แต่ก็ยังมีพื้นที่เล็กๆ อีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางความขัดแย้ง เป็นเมืองสำคัญที่เต็มไปด้วยแรงศรัทธาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน นั่นคือ “เยรูซาเลม”
“นครเยรูซาเล็ม” เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก่อร่างสร้างขึ้นโดยกษัตริย์ดาวิด (King David) และเป็นดินแดนที่มีประวัติศาสตร์เกี่ยวเนื่องกับ 3 ศาสนาสำคัญ ในกลุ่มศาสนาอับราฮัมอันได้แก่ ศาสนายูดาห์, ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ทำให้เมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศอันแตกต่างทั้งในแง่ความเชื่อและความศรัทธา
ศาสดาของทั้ง 3 ศาสนา เคยมาเยือนนครเยรูซาเล็ม
ศาสนายูดาห์ : โมเสส นำการอพยพชาวยิว ที่ตกไปเป็นทาสในอียิปต์ มาสู่ดินแดนพันธสัญญา ณ เยรูซาเล็ม
ศาสนาคริสต์ : พระเยซู ถูกตรึงกางเขน และสิ้นพระชนม์ ณ เยรูซาเล็ม
ศาสนาอิสลาม : นบีมุฮัมมัด ได้เดินทางในยามค่ำคืน มายังกรุงเยรูซาเลม เพื่อขึ้นสรวงสวรรค์ไปบัญญัติจากพระเป็นเจ้า ให้ละหมาดวันละ 5 เวลา
“เยรูซาเล็ม” ในศาสนายูดาห์ เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอิสราเอล-ยูดาห์ (อาณาจักรของชาวยิว) ในสมัยกษัตริย์ดาวิด จากนั้นกษัตริย์โซโลมอน พระโอรสของกษัตริย์ดาวิด ได้ทรงสร้างพระวิหารแรกขึ้นที่เมืองนี้ชื่อว่า “วิหารโซโลมอน” เหตุการณ์อันเกิดขึ้นในช่วง1,000 ปีก่อนคริสตกาล ได้ถือเป็นศูนย์รวมเชิงสัญลักษณ์ทั้งมวลของชาวยิว
“เยรูซาเล็ม” ในศาสนาคริสต์ สถานที่ที่ “พระเยซู” ทรงประกาศว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า และเป็นสถานที่ที่ถูกตั้งข้อกล่าวข้อหาตัดสินโทษประหารชีวิตโดยการตรึงกางเขน จากนั้นพระองค์ต้องแบกไม้กางเขนอย่างทุลักทุเลไปตามถนนสายนี้สู่แดนประหาร ซึ่งระหว่างทางมีเหตุการณ์ต่าง ๆ บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์หลายเรื่อง รวมทั้งหมด 14 จุด (Stations)
“เยรูซาเล็ม” ในศาสนาอิสลาม ถือว่าเยรูซาเล็มเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่สุดเป็นลำดับ 3 รองจากนครมักกะฮ์และนครมะดีนะฮ์ ปัจจุบันอยู่ในประเทศซาอุดีอาระเบีย ในปี ค.ศ. 610 “เยรูซาเล็ม” กลายเป็นชุมทิศ (กิบลัต) แห่งแรกสำหรับการประกอบพิธีละหมาดของชาวมุสลิม เป็นสถานที่ที่ศาสดามุฮัมมัด ได้ขึ้นสรวงสวรรค์ไปพบกับพระเจ้า และเป็นสถานที่ที่ศาสดาอีซา (พระเยซู) ตามคัมภีร์อัลกุรอาน ไม่ได้ถูกตรึงกางเขนและขึ้นสรวงสวรรค์
ด้วยบันทึกทางประวัติศาสตร์นี้เองทำให้เมืองเก่าเยรูซาเลมซึ่งมีพื้นที่เพียง 0.9 ตารางกิโลเมตร เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างอันมีความสำคัญทางศาสนามากมาย โดยเฉพาะบนเนินพระวิหาร อันเป็นที่ตั้งของ กำแพงประจิม, โดมแห่งศิลา, มัสยิดอัลอักศอ และปัจจุบัน สถานภาพของ “เยรูซาเล็ม” ยังเป็นประเด็นแกนกลางประเด็นหนึ่งในความขัดแย้งอิสราเอล–ปาเลสไตน์
ในมุมมองศาสนวิทยา ทั้ง 3 ศาสนานี้ ศาสนายูดาห์ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ถูกจัดอยู่ในกลุ่มศาสนาเดียวกัน เรียกรวม ๆ ว่า “ศาสนาอับราฮัม”
ศาสนายูดาห์ (ยิว) นับถือโมเสส (ยูดาห์) แต่ไม่เชื่อในพระเยซู (คริสต์) นบีมุฮัมมัด (อิสลาม)
ศาสนาคริสต์ นับถือพระเยซู (คริสต์) รวมถึงโมเสส (ยูดาห์) ด้วย แต่ไม่เชื่อในนบีมุฮัมมัด (อิสลาม)
ศาสนาอิสลาม นับถือนบีมุฮัมมัด รวมถึงโมเสส (ยูดาห์) และพระเยซู (คริสต์)
– ในมุมมองของชาวยิว เขาไม่เชื่อในพระเยซู ไม่เชื่อว่าเป็นศาสดาจากพระเจ้า มองว่าพระเยซูเป็นคนนอกรีต ทำลายศาสนา จึงเป็นชนวนเหตุให้เกิดเหตุการณ์การตรึงกางเขนพระเยซู
– ในมุมมองของชาวคริสต์ นับถือพระเยซู แต่ก็ยังเชื่อในโมเสสก่อนหน้าด้วย เพราะในคัมภีร์กล่าวว่า “…ไม่ได้มาเลิกล้าง แต่มาทำให้สมบูรณ์…” และก็มองว่า นบีมุฮัมมัด เป็นศาสดาจอมปลอม ไม่ใช่ตัวจริง เพราะตอนนั้นนบีมุฮัมมัด เกิดในเผ่ากุเรช ซึ่งชาวคริสต์ก็มองว่า เป็นพวกชนเผ่าป่าเถื่อน พระเจ้าไม่น่าจส่งศาสดา มาเกิดในชนเผ่าป่าเถื่อน
– ในมุมมองของชาวมุสลิม (อิสลาม) นับถือนบีมุฮัมมัด และก็นับถือทั้งโมเสส และพระเยซูด้วย มุสลิมมองว่า ศาสนายังไม่สมบูรณ์ รวมถึงคัมภีร์ที่ผ่านมาทั้งโทราห์ (ยิว) ไบเบิล (คริสต์) และอื่น ๆ ก่อนหน้านั้น ถูกบิดเบือน แต่งเสริมภายหลัง พระเจ้าส่งนบีมุฮัมมัดมา เพื่อทำให้ศาสนาสมบูรณ์ และเชื่อว่า นบีมุฮัมมัด เป็นศาสนาองค์สุดท้าย