ภายหลังการหารือของเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ที่จ.กระบี่ เพื่อกำหนดท่าทีการเคลื่อนไหวกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะตัดสิทธิการปลูกกัญชาเพื่อความมั่นคงทางยาของประชาชน
เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยออกแถลงการณ์ โดยมีเนื้อหาระบุว่า กรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะนำกัญชาบางส่วนเข้าสู่ยาเสพติดและตัดสิทธิการปลูกของประชาชนที่ใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคมานานนับอายุตำรายาในสมัยพระนารายณ์อายุกว่า300 ปี การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไม่ใช้ข้อเท็จจริงในการกำหนดสถานะของกัญชาจะทำให้มาตรการควบคุมกัญชาเกิดความบิดเบี้ยว เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขตั้งสตินำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกัญชาอย่างรอบด้านมาสังเคราะห์แล้วค่อยกำหนดมาตรการ อย่าได้ใช้กระแสสังคมที่ถูกปั่นให้รับข้อมูลด้านเดียวแล้วใช้ข้อมูลอันบิดเบี้ยวมากำหนดมาตรการเพียงเพื่ออยากได้คะแนนเสียงและในขณะเดียวกันการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการเช่นนี้ก็สามารถบรรลุเป้าหมายสำคัญคือการทำให้กลุ่มคนเฉพาะเท่านั้นที่ปลูกกัญชาได้โดยเฉพาะ สส.พรรคเพื่อไทยทำธุรกิจกัญชาอยู่หลายคน
เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยขอคัดค้านการนำกัญชากลับสู่ยาเสพติดและคัดค้านการตัดสิทธิของประชาชนในการปลูกกัญชาเพื่อความมั่นคงทางยาในระดับครัวเรือนโดยเครือข่ายจะมีปฏิบัติการตามลำดับขั้นดังนี้
ขั้นที่1
ยื่นหนังสือคัดค้านการนำกัญชาสู่ยาเสพติดและการตัดสิทธิของประชาชนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นอกจากนี้เนื้อหาในหนังสือยังมีประเด็นที่สำคัญอีกหนึ่งประเด็นคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะต้องทำข้อมูลเปรียบเทียบข้อดีข้อร้ายระหว่าง บุหรี่ สุรา กัญชา เพื่อทำให้สังคมรับรู้ร่วมกันถึงข้อเท็จจริงและตัดสินใจร่วมกันว่าระหว่าง 3 สิ่งนี้ควรนำสิ่งใดเข้าสู่บัญชียาเสพติด โดยกำหนดยื่นหนังสือในวันที่ 12 ตุลาคม 2566
ขั้นที่2
เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยให้เวลากระทรวงสาธารณสุข 15 วัน ในการตอบคำถามและสร้างข้อมูลอันกระจ่างชัดให้เกิดขึ้นแก่สังคมและหากกระทรวงสาธารณสุขไม่ดำเนินการใดๆหรือยังยืนยันที่จะกระทำเช่นเดิมโดยการใช้อำนาจ เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยจะชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลหลัง15วันที่ให้เวลากับกระทรวงสาธารณสุข เครือข่ายฯ ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามข้อเรียกร้องอันเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการกำหนดสาถานะของกัญชาที่ถูกต้องคือต้องทำข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์เปรียบเทียบออกมาระหว่าง สุรา บุหรี่ กัญชา แล้วนำข้อเท็จจริงนั้นมากำหนดสถานะของกัญชา
แถลงการณ์ฯ ยังระบุด้วยว่า หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขปฏิเสธการใช้ข้อมูลเพื่อกำหนดสถานะกัญชาแสดงว่ามีเจตนาอันฉ้อฉลและวิธีการเดียวที่ประชาชนจะจัดการกับกลุ่มคนที่ถือครองอำนาจรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนตัวคือเราต้องเอาหัวใจมารวมกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาลหลังกำหนด15วันนับจากวันยื่นหนังสือการต่อสู้เรื่องกัญชาคือการต่อสู้เพื่อไม่ให้การแพทย์สมัยใหม่เบียดขับการแพทย์แบบอื่นที่ประชาชนพึงได้รับสิทธิ เป็นการต่อสู้เพื่อความรู้ท้องถิ่น และยืนยันในสิทธิพื้นฐานของประชาชนในการใช้สมุนไพรชนิดหนึ่งในการรักษาตัวเองในระดับครัวเรือน
“ขอเรียนมายังประชาชนทุกท่านว่า กัญชามีข้อดีและข้อเสียเหมือนกับทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ มีแต่การนำข้อเท็จจริงอันถูกต้องรอบด้านมากำหนดมาตรการจึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยการกำหนดให้นำข้อดีมาใช้และควบคุมข้อเสีย และจุดยืนของเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยคือการปลูกเป็นสิทธิพื้นฐานของครัวเรือนในการใช้เพื่อความมั่นคงทางยา ด้วยความหวังในการรักษาต้นไม้ต้นหนึ่งจากจิตใจอันมืดมนของผู้ถืออำนาจ” แถลงการณ์ระบุ