กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันจับกุม ทั้งหมด 11 ราย ในฐานความผิด 1. ผู้ถูกจับที่ 1-2 “รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม”, 2. ผู้ถูกจับที่ 3-11 “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมตรวจยึดของกลาง
1.รถยนต์นั่งสองตอนแวน ยี่ห้อ TOYOTA สีเทา จำนวน 1 คัน
2.โทรศัพท์ 2 เครื่อง
3.กุญแจรถยนต์ จำนวน 1 ดอก

สถานที่จับกุม บริเวณ กม.66-67 (ขาเข้า) ถนนพหลโยธิน ทล.1 ต.ลำตาเสา อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา พฤติการณ์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมออกตรวจในพื้นที่เขตรับผิดชอบ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุสถานีตำรวจทางหลวงอยุธยาแจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถชน ที่ บริเวณ กม.66-67 (ขาเข้า) ถนนพหลโยธิน ทล.1 ต.ลำตาเสา อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จึงรีบไปตรวจสอบพบรถยนต์นั่งสองตอนแวน ยี่ห้อ TOYOTA สีเทา พลิกคว่ำอยู่ที่ช่องขวาสุดทางด่วน เบื้องต้นพบ ผู้ชาย 7 คน ผู้หญิง 4 คน รวม 11 คน จึงรีบช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจสอบ

สอบถามเบื้องต้นทราบว่า นายตีดา เป็นผู้ขับขี่และนายซอ จี วิน เป็นผู้นั่งข้าง ขณะเดียวกันมีบุคคลอีก 9 คนนั่งโดยสารมาด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ผู้โดยสารทั้ง 9 คน เป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทาง โดยนายตีดา และนายซอ จี วิน ยอมรับว่า ได้รับการประสานจากชายคนหนึ่งให้ไปรับแรงงานต่างด้าว ที่บริเวณซอยข้างสะพานลอย กม.73 ถนนพหลโยธิน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 9 คน เพื่อเตรียมนำไปส่งใน จ.สมุทรสาคร ได้ค่าจ้าง 500 – 700 บาทต่อคน โดยทราบอยู่แล้วว่าทั้ง 9 คนที่ไปรับนั้น ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆ

ขณะที่ชาวต่างด้าวทั้ง 9 คน ยอมรับผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมาว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมา ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนจะมีคนพาออกมาขึ้นรถคันดังกล่าวโดยเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 1-2 หมื่นบาท เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินคดีต่อไป