เป็นอีก 1 ความร่วมมือที่เกิดขึ้นระหว่างสถานเอกอัคราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กับ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ทีได้กำหนดจัดกิจกรมมองจีนยุคใหม่ที่สื่อมวลชนไทนควรรู้ปีที่ 5 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดจัดกิจกรรมหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายลงและนำพาคณะผู้แทนสื่อมวลชนของไทย จำนวน 25 คนเดินทางลงพื้นที่ที่มณฑลยูนนาน ในช่วงระหว่างวันที่ 24-27 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนที่จะลงพื้นที่นั้น สื่อมวลชนและคณะทำงานทั้งหมดที่ผ่านการคัดเลือก ได้เข้ารายงานตัวและพบกับนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทสไทย เพื่อรับทราบถึงนโยบายของรัฐบาลจีนในภาพรวมรวมทั้งหมด

ในการลงพื้นที่เพื่อเรียนรู้ถึงวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี การดำเนินชีวิต และแนวทางการพัฒนาจีนจากยุคเดิมสู่ยุคใหม่ จนกลายเป็นพญามังกรที่หลายคนได้ขนานนาม ซึ่งคณะของเรานั้นเป็นคณะแรกอย่างเป็นทางการที่รัฐบาฃท้องถิ่นของมณฑลยูนนาน และสถานกงสุลใหญ่ราชอาณาจักรไทย ประจำนครคุณหมิง มณฑลยูนนาน ได้ให้การต้อนหลังรับ หลังสถานการณ์โควิคลี่คลายลง โดยทุกคนได้ลงพื้นที่พบกับกงสุลใหญ่ไทย ประจำนครคุณหมิง,การประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชองรัฐบาลจีน,การเยี่ยมชมสวนพฤกษศาสตร์ของนครคุณหมิง,การชมนวัตกรรมและการจัดการเรียรการสอนระบบรางของวิทยาลัยเทคนิคและอาชีวศึกษาการรถไฟนครคุณหมิง,การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้แทนศูนย์การสื่อสารระหว่างประเทศเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเยี่ยมชมและแลกเปลี่ยนที่สำนักงานยูนนานเดลี่ สื่อมวลชนท้องถิ่น,การดูงานหมู่บ้านเสี่ยวหยู หมู่บ้านตัวอย่างแก้ไขปัญหาความยากจนของนครคุณหมิง,การชมตลาดค้าส่งดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ,การรับทราบถึงนโยบายการพัฒนาและสนับสนุนการขนส่งระบบรางและขนส่งมวลชนระหว่างประเทศของเมือง และปิดท้ายคือการชมการสร้างสวนสาธณะแห่งใหม่ของเมืองที่ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่พักผ่อนและสถานี่ที่คนคุณหมิงต้องมาทำกิจกรรมร่วมกันของคนในครอบครัว

นายจางหลี่ยี่ ผู้อำนวยการฝ่ายสารสนเทศ และผู้อำนวยการศูนย์สื่อสารระหว่างประเทศเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มณฑลยูนนาน กล่าวว่า ปัจจุบันสื่อมวลชนที่ปฎิบัติงานอยู่ในพื้นที่มีรวมกว่า 20 สำนัก ครอบคลุมสถานีโทรทัศน์,หนังสือพิมพ์,สถานีวิทยุและสื่อออนไลน์ และเป็นครั้งแรกหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายลงที่คณะมณฑลยูนนานได้ให้การต้อนรับสมาคมนักข่าวฯของไทย ปัจจุบันมณฑลยูนนาน ได้ตั้งศูนย์การสื่อสารระหว่างประเทศเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำมณฑลยูนนาน เมื่อวันที31 พ.ค.2565 ที่ผ่านมาภายใต้การกำกับควบคุมของกรมประชาสัมพันธ์ของประเทศจีน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ทีจะเดินก้าวออกไปข้างหน้า โดยกำหนดแผนงานหลักคือการรองรับการบริการด้านต่างๆของเอเชียใต้และอาเซียน การมอบหมายให้ยูนนานเป็นศูนย์กลางข้อมูลการเผยแพร่ในระดับนานาชาติจากจีนไปในเอเชียใต้และอาเซียน และการเป็นสื่อกลางประสานระหว่างสื่อมวลชนในเอเชียใต้และอาเซียนในด้านความร่วมมือต่างๆ ครอบคลุมงานด้านวัฒนธรรม,กีฬา,การต่างประเทศ,สื่อสารมวลชนและการจัดอบรม

“ความร่วมมือระหว่างยูนนานกับกลุ่มประเทศอนุลุ่มภูมิภาคแม่น้ำโขง หรือที่เรียกว่าแม่โขงล้านช้าง มีการดำเนินการไปใน 2 รูปแบบแยกเป็นนิตยสารแม่น้ำโขงภาคภาษาไทย ที่ปีนี้ครบรอบการก่อตั้ง 20 ปี นิตยสารภาษาเมียนมาร์ ที่ครบรอบการก่อตั้งปีนี้ปีที่ 30 นอกจากนี้ยังคงมีนิตยสารภาษาลาวและนิตยสารภาษากัมพูชารวมทั้งการทำเวปไซค์ยูนนานเกตเวย์ ที่ให้บริการข้อมูลของยูนนานและข้อมูลสิ่งมหัศจรรย์ของจีน ในภาษาต่างๆ อย่างไรก็ดีแ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่ยูนนานจะเป็นสะพานและร่วมสร้างสะพานกับทุกประเทศในเอเชียใต้ และอาเซียนที่ไม่ใช่แต่เฉพาะการนำเสนอข้อมูลจากจีนฝ่ายเดียว แต่จะครอบคลุมในการรับฟังการประเมิน การสะท้อนถึงปัญหาหรือเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเพื่อนำไปสู่การแก้ไข โดยประสานความร่วมมือกับศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน และสถาบันยุทธศาสตร์เอเชียแปซิฟิก จนทำให้มีบทความที่น่าสนใจจากผลงานวิจัยมากถึง 48 ผลงาน อย่างไรก็ตามจากการจัดกิจกรรม ความรักสายน้ำเดียวกัน และพี่น้องครอบครัวเดียวกัน เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ร่วมระหว่างไทย-จีน ที่หนักแน่นและแน่นแฟ้นมากขึ้น มีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ที่แสดงถึงการที่จีนเดินออกไปสู่โลกในมิติต่างๆที่ครอบคลุม เพราะจีนมีความมหัศจรรย์ในด้านต่างๆที่พร้อมและจะประสานความร่วมมือของประชาชนของทั้ง 2 ประเทศให้เกิดความยั่งยืนต่อไปในอนาคต”

ขณะที่นายมงคล บางประภา นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การลงพื้นที่ที่มณฑลยูนนาน ครั้งนี้เป็นความพิเศษที่รัฐบาลจีนได้ให้คณะได้เลือกการลงพื้นที่เพื่อไม่ให้มองจีนแต่เพียงภาพเดียว แต่ให้มองถึงความหลากหลาย ในเมืองและมณฑลที่ใกล้ชิดกับเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ครบและครอบคลุมทุกมิติ ซึ่งมณฑลยูนนานเป็นต้นทางของเส้นทางสายใหม่ทางรถและทางราง โดยเฉพาะทางด่วนทีจีนกำลังพัฒนาให้เกิดการเชื่อมต่อระหว่างจีนผ่านเมียนมาร์ ,สปป.ลาวและมาถึงประเทศไทย รวมไปถึงโครงการรถไฟลาว-จีน ที่จะเชื่อมต่อมายังประเทศไทยให้ได้เพื่อให้เกิดการคมนาคมขนส่งที่ครอบคลุมและไปมาหาสู่กันได้โดยสะดวก

“ถ้าเรามองจีนอย่างเขาใจก็จะเป็นโอกาสให้กับทุกคน เพราะขณะนี้จีนได้ประสานความร่วมมือกับนานาประเทศอย่างครบถ้วน และต้องการให้ทุกคนมองจีนในด้านต่างๆให้ครอบคลุมและครบถ้วนทั้งหมด โดยเฉพาะการขนส่งมวลชนระบบรางที่จะเป็นสะพานเชื้อมต่อกันต่อกันได้ง่ายและสะดวก เกิดการจา้งงาน สร้างรายได้และการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเขตรถไฟ เช่นเดียวกันกับทางรถ และทางอากาศ ที่คนจีนยังคงเลือกประเทศไทยเป็นลำดับต้นๆ ที่จะเดินทางมาพักผ่อน หรือท่องเที่ยวหรือมาเจรจาการเป็นคู่ค้าทาธุรกิจให้มากขึ้น เพราะความชัดเจนของรัฐบาลกลางที่ให้ยูนนาน เป็นด่านหน้าประสานกับประเทศในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นประตูที่จะเข้าสู่ประเทศจีนหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายลงนั้นได้เปิดขึ้นแล้ว”

โดย…จักรพันธ์ นาทันริ