เชียงใหม่ –โรงงานผลิตพลุดอกไม้ไฟระเบิดดังสนั่นดอยสะเก็ด บ้านเรือนพังยับกว่า 30 เจ็บ 5 ผู้คนในชุมชนที่อยู่รอบข้างเดือดร้อนกว่าครึ่งร้อย เทศบาลฯจ่อทบทวนใบอนุญาต หลังพบขอ-ต่ออายุมาเกือบ 20 ปี เผยเคยเกิดระเบิดขึ้นมาแล้ว 1 ครั้งเมื่อ 10 ปีก่อน

นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 112 ม.14 บ้านสันทุ่งใหม่ ต.สันปูเลย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 ก.ค.2566 ซึ่งเป็นจุดที่เกิดเหตุโรงงานพลุและดอกไม้ไฟระเบิดเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา โดยพบว่าสภาพบ้านหลังดังกล่าวได้รับความเสียหายทั้งหลัง เนื่องจากเป็นพื้นที่เก็บพลุและดอกไม้ไฟ เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร จนเกิดเหตุระเบิดขึ้น จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 ราย และบ้านเรือนใกล้เคียงเสียหายอีกกว่า 30 หลังคาเรือน

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ทั้งหมดได้คลี่คลายลงแล้ว ซึ่งภายหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้ามาสำรวจทางวิทยาศาสตร์ พบว่าบริเวณพื้นที่เกิดเหตุไม่มีสารที่เป็นวัตถุระเบิด หรือวัตถุอันตรายที่จะสามารถทำให้เกิดการระเบิดได้อีกแล้ว ขณะเดียวกันผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 8 ราย อยู่ระหว่างการดูแลรักษาพยาบาล ส่วนบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย ทางเทศบาลได้ดูแลประชาชนให้มีที่หลับที่นอนครบทุกหลังแล้ว

อย่างไรก็ตามจะมีการถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและตรวจสอบทุกพื้นที่ที่ได้มีการขออนุญาตประกอบกิจการเกี่ยวกับการครอบครอง จำหน่ายพลุและดอกไม้ไฟ เพื่อลดโอกาสในการเกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นอีก

ด้าน นายสาธิต คำหน่อแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลสันปูเลย เปิดเผยเพิ่มเติมว่า โรงงานแห่งนี้มีใบอนุญาตสำหรับการครอบครองเพื่อจำหน่ายพลุและดอกไม้ไฟอย่างถูกต้อง โดยขอและต่อใบอนุญาตมาเกือบยี่สิบปีแล้ว จากการตรวจสอบ ทราบว่า บ้านหลังนี้เคยเกิดอุบัติเหตุพลุระเบิดและเพลิงไหม้มาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งทางเทศบาลจะพิจารณาต่อไปว่าเห็นควรจะใบอนุญาติให้กับผู้ประกอบการรายนี้อีกหรือไม่ เพื่อลดโอกาสความเสี่ยงที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุในลักษณะเช่นนี้อีกและเพื่อความปลอดภัยของคนในชุมชน

ทั้งนี้ ทางเทศบาลได้เปิดศูนย์อำนวยการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยและชาวบ้านในพื้นที่ พบว่า มีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกือบ 50 ราย พร้อมทั้งได้มีการปิดกั้นพื้นที่โดยรอบไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปชั่วคราว เพื่อความปลอดภัย พร้อมทั้งรอให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง