เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 66 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พาเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดภูธร จ.ชลบุรี จำนวน 10 นาย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.จตุภูมิ รักษาภักดี รอง.ผกก.4 ปปป. และ ร.ต.อ.กิตติธัช เทียนแก้ว รอง.สว.สส.กก.2.บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างหลักฐานเท็จให้ต้องถูกดำเนินคดีจากการปฏิบัติหน้าที่จับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า วันนี้มาแจ้งด้วยกันทั้งหมด 3 คดี โดยคดีแรก เป็นการแจ้งเอาผิด ผบช.สตม. กับพวกที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่มีการนำภาพกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ในวันที่ตนเดินทางมายัง สอท. ซึ่งอยู่ในอาคารเดียวกัน ไปให้ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อให้สังคมเกิดความสับสนเข้าใจว่าตนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับรีดเงินเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ 140 ล้านบาท ยืนยันว่าไม่เคยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง อีกทั้งวันที่เดินทางไปก็เป็นคนละวันกันกับที่มีการนัดพูดคุย ซึ่งสาเหตุที่ตนเดินทางไป บช.สอท. นั้นก็เพื่อไปติดตามความคืบหน้าคดีดารา พ. ที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ส่วนภาพจะหลุดไปได้อย่างไรนั้นต้องถาม ผบช.สตม. เพราะเป็นผู้ครอบครองภาพ ซึ่งเจ้าตัวจะต้องชี้แจงว่าใครเป็นผู้นำไปให้ผู้สื่อข่าวทีวีข่องดังนำไปเผยแพร่ ซึ่งเรื่องนี้สำหรับตัวนักข่าวคนนั้น ครั้งนี้ตนยังให้โอกาสไม่เอาเรื่อง แต่อยากฝากบอกว่าเงินที่ได้จากตำรวจมันไม่คุ้มหรอก

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ส่วนคดีที่สอง เป็นการแจ้งเอาผิด ร.ต.อ.ชยุต ตำแหน่งรองสารวัตร ชุดศปอส.ภ.จว.ชลบุรี) ในข้อหา ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ,ให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ157 และ กลั่นแกล้งผู้อื่นให้รับโทษอาญา. หลังจากพบว่าร.ต.อ.ชยุต เป็นคนสร้างพยานหลักฐานเท็จเกี่ยวกับเรื่องการเรียกสินบนเว็บพนันออนไลน์ของนายตำรวจระดับรองผู้การจังหวัดชลบุรี จำนวน 2 แสนบาท เพื่อแลกกับการไม่ขยายผลต่อ จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 10 นายที่มาพร้อมกับตนในวันนี้ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมต้องถูกดำเนินคดี ทั้งที่พวกเขาปฏิบัติหน้าที่เข้าจับกุมตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาและไม่ได้เกี่ยวกับการเรียกรับเงินแต่อย่างใด

“ส่วนเรื่องที่ 3 เป็นการร้องทุกข์กล่าวโทษผู้การชลบุรี ซึ่งเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องกับเรื่องที่ 2 เกี่ยวกับการเรียกรับเงินสินบน 2 แสนบาท จากเว็บพนันเครื่อข่ายรองผู้การชลบุรี แต่กลับโยนความผิดให้ลูกน้องต้องถูกดำเนินคดี” นายอัจฉริยะ กล่าว

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้ร้องทุกข์ไว้ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป