การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม และ จ.นครพนมร่วมจัดงานส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้ชื่อ วิจิตรนครพนม ถือเป็นไฮไลท์สำคัญหนึ่งเดียวของอีสาน โดย จ.นครพนม ได้รับเป็นตัวแทนของภาคอีสาน จากทั้งหมด 5 ภาค ในการจัดประดับตกแต่งแสงสี ในสถานที่สำคัญต่างๆ แลนด์มาร์กสำคัญ ของ จ.นครพนม รวมถึงสถานที่สำคัญที่เชื่อมโยงประวัติศาสตร์ บอกเล่าเรื่องราวจากอดีตถึงปัจจุบัน เป็นการกระตุ้นส่งเสริมการท่องเที่ยว นอกจาก ประชาชน นักท่องเที่ยว จะได้ ชื่นชมความสวยงาม ของการใช้เทคโนโลยีแสงสีประดับสถานที่สำคัญให้เกิดความสวยงามแล้ว ยังได้มีโอกาสศึกษาความเป็นมาของสถานที่สำคัญ ที่เชื่อมโยงประวัติศาสตร์ ของ จ.นครพนม รวม 15 จุด กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม 2566 – 4 มิถุนายน 2566

ทั้งนี้ สถานที่สำคัญที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญบอกเล่าเรื่องราว และเชื่อมโยงประวัติศาสตร์ ของ จ.นครพนม นอกจาก องค์พญาศรีสัตตนาคราช แลนด์มาร์กพญานาคศักดิ์สิทธิ์ นาคาธิบดีสองฝั่งโขง ที่บอกเล่าเรื่องราวความเชื่อศรัทธาต่อองค์พญานาคสองฝั่งไทยลาว รวมไปถึง โบสถ์คาทอลิก วัดนักบุญอันนา ชุมชนหนองแสง ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม อายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ในอดีตเคยเป็นชุมชนที่พักพิงของชาวลาว และเวียดนาม ในสมัยสงครามอินโดจีน ที่มีการอพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงทำให้มีเกิด ความสัมพันธ์ระหว่างเชื้อชาติ ศาสนา พร้อมมีการการก่อสร้างศาสนสถานแห่งนี้ขึ้น ราวปี ค.ศ.1926 เป็นสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ด้านหน้าเป็นหอคอยคู่ยอดแหลมสูง

DCIM100MEDIADJI_0447.JPG

ส่วนอีกสถานที่สำคัญ คือ จวนผู้ว่าราชการหลังเก่า ก่อสร้างเมื่อประมาณ พ.ศ.2455 เป็นอาคารก่อสร้างโดยช่วงญวน แบบก่ออิฐถือปูนได้รับอิทธิพลการก่อสร้างจากตะวันตก แบบฝรั่งเศส ในยุคสงครามอินโดจีน ที่สำคัญยังเป็นสถานที่สำคัญ ในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมสมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เคยเสด็จฯประทับแรม ทอดพระเนตรชมงานประเพณีไหลเรือไฟ เมื่อปี 2498 ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ให้ศึกษาเยี่ยมชม

นอกจากนี้ยังมี หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ถือเป็นสถานที่สำคัญสัญลักษณ์ ที่แสดงออกถึงความสัมพันธ์อันดี ของ ชาว จ.นครพนม กับชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม และเชื้อสายจีน ที่ถูกสร้างโดยชาวเวียดนามที่อาศัยอยู่ในจังหวัดนครพนม เพื่อเป็นที่รำลึกก่อนย้ายกลับเวียดนามตามท่านโฮจิมินห์ หลังชนะสงครามเดียนเบียนฟู ในยุคสงครามฝรั่งเศส โดยชาวเวียดนามที่ลี้ภัยมาอาศัยในนครพนมได้ร่วมกัน สร้างหอนาฬิกาขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2503 เพื่อระลึกถึงไมตรีจิต ให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ได้รำลึกถึงความเป็นมา

น.ส.กนกวรรณ ดุงศรีแก้ว ผู้อำนายการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม เปิดเผยว่า การจัดงานส่งเสริมการท่องเที่ยว วิจิตรนครพนม ถือเป็นโครงการสำคัญของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต้องการกระตุ้นส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ทั้ง 5 ภาค สำหรับ จ.นครพนม ถือว่าโชคดี ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนของภาคอีสาน ในการจัดงานเน้นการโชว์เทคโนโลยีประดับแสงสี ในสถานที่สำคัญต่างๆ รวมถึงแลนด์มาร์ก สำคัญของ จ.นครพนม เชื่อมโยงบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของ จ.นครพนม รวมถึง ความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้านจากอดีตถึงปัจจุบัน

สำหรับ สถานที่สำคัญ ที่เป็นสถาปัตยกรรม เลียบริมฝั่งแม่น้ำโขง อาทิ โบสถ์คาทอลิก วัดนักบุญอันนา ชุมชนหนองแสง หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ จวนผู้ว่าราชการหลังเก่า อาคารศาลจังหวัดนครพนมหลังเก่า หอสมุดแห่งชาตินครพนม และสถานที่อื่นๆ อีกหลายจุด นอกจากจะสร้างสีสันความสวยงาม ยังเป็นการบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของ จ.นครนม เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ของ จ.นครพนม ได้เป็นอย่างดี ฝากประชาชนนักท่องเที่ยวห้ามพลาดมาเที่ยวชม งานวิจิตร นครพนม

ข่าว/ภาพ : พัฒนพงษ์ ศรีเพียชัย ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครพนม