อุดรธานี-หลานชายหลอนคลั่งใช้มีดแทงคอป้า เลือดพุ่งกระฉูด นอนตายสยองต่อหน้าย่าที่บ้านพัก ชาวบ้านช่วยกันจับ ก่อนรุมประชาทัณฑ์จนน่วม จึงส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดี คาดเกิดจากอาการป่วยจิต ที่ผู้ก่อเหตุเคยผ่าตัดสมอง

ร.ต.อ.ประวิทย์ อิ่มใจ รอง สว.สอบสวน สภ.ย่อยห้วยหลวง อ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุ คลั่งอาละวาดใช้มีดปาดคอเสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 4 บ้านหนองฮาง ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังตำรวจป้องกันและปราบปราม ตำรวจสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี และตำรวจสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี รวม 20 นาย พร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี อาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น ไม้ครึ่งปูน มีรั้วรอบขอบชิด พบนางนิยม คามะเชียงพิณ อายุ 68 ปี กอดศพ น.ส.ธัญญรัตน์ คามะเชียงพิณ อายุ 48 ปี ลูกสาว ซึ่งถูกของมีคมปาดและแทงคอ ตัดหลอดลมและเส้นเลือดใหญ่ขาด นอนเสียชีวิตนอนจมกองเลือดอยู่พื้นข้างบ้าน สภาพสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงวอร์มสีดำ ไม่สวมรองเท้า มีหยดเลือดไหลยาวเป็นทางจากบริเวณประตูหน้าบ้าน ส่วนผู้ก่อเหตุชื่อนายบดินทร์ สุทธิบริบาล หรือโก้ อายุ 26 ปี หลานชายแท้ๆ ซึ่งชาวบ้านช่วยกันควบคุมตัวไว้ที่หน้าบ้าน พร้อมของกลางมีดทำครัวยาว 5 นิ้ว ที่คนร้ายได้นำไปล้างและเช็ดคราบเลือดผู้ตายออกแล้ว และโดนชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก ปากและจมูกแตก เลือดไหลอาบหน้า และให้การไม่รู้เรื่อง

นางนิยม คามะเชียงพิณ อายุ 68 ปี แม่ผู้ตายและย่าผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ตอนหลานชายก่อเหตุตนนั่งอยู่แคร่หน้าบ้าน และไม่เห็นเหตุการณ์ มาเห็นตอนลูกสาววิ่งออกมาจากในบ้านมีเลือดไหลพุ่งออกจากคอ ก่อนไปล้มฟุบนอนจมกองเลือดบริเวณข้างบ้าน และหาผ้ามาอุดตรงบาดแผลเอาไว้ ก่อนลูกสาวจะขาดใจตาย จึงร้องเรียกหลานเขยให้มาช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสามีที่ทำงานอยู่ไร่ ที่ผ่านมาหลานชายมักจะอยู่แต่ภายในบ้าน ไม่ออกไปไหน และชอบพูดอยู่คนเดียว เพราะมีอาการทางสมอง หลังจากเกิดอุบัติเหตุผ่าตัดสมองมา 8 ปี

“กระทั่งวันนี้คาดว่าหลานชายมีอาการหลอน และเป็นสาเหตุที่ลงมือฆ่าปาดคอป้า ทั้งที่ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกันมาก่อนเลย ส่วนพ่อของเขาแยกทางกันกับภรรยา ก่อนมาจมน้ำเสียชีวิตเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ญาติพี่น้องจึงนำมาเลี้ยงดู ก่อนมาก่อเหตุสลดขึ้น 2-3 วันที่แล้ว ตนฝันเห็นเครื่องบิน 2 ลำ กำลังจะลง แต่ก็ยังไม่ลง ตนสะดุ้งตื่นก่อน และมีความเชื่อว่า หากฝันเห็นเครื่องบินเป็นลางร้าย ก่อนลูกสาวจะมาถูกฆ่าตายในบ้าน”

นายพฤหัส คามะเชียงพิณ อายุ 71 ปี พ่อผู้ตายและปู่ผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ตอนหลานก่อเหตุตนอยู่ที่ไร่ ไม่เห็นเหตุการณ์ หลานเขยโทรศัพท์ไปบอก จึงรีบกลับมาก็พบภาพอันสลด ส่วนหลายชายมือมีดได้ไปหลบอยู่ครัวหลังบ้าน ขณะที่ภรรยาตนได้นั่งกอดลูกสาว เอาผ้าอุดรอยแผลที่คอ เพื่อให้เลือดหยุดไหล ก่อนลูกสาวจะขาดใจตายเหมือนไก่โดนเชือดคอ ในอ้อมกอดของแม่ โดยไม่รู้ว่าหลานก่อเหตุเพราะอะไร แต่หลานเคยติดเสพยาบ้าตอนเรียนอยู่ชั้น ม.2 แต่เสพติดไม่หนัก และมีประวัติป่วยทางจิต เนื่องจากประสบอุบัติเหตุตกเสาไฟฟ้า เมื่อประมาณ 8 ปีที่ผ่านมา ขณะไปทำงานเดินสายสื่อสารที่ จ.นครปฐม ต้องผ่าตัดสมอง หลานกินยารักษาอาการทางประสาทมาตลอดไม่เคยขาด

“แต่เมื่อ 2 วันก่อน หลานมีอาการผิดปกติ พูดจาอยู่คนเดียว แต่พูดไม่รู้เรื่อง และหลานมักจะขโมยดื่มกาแฟและสูบบุหรี่จัด โดยหมอห้ามไม่ให้กินและสูบสิ่งเหล่านี้ หลานชายก็ไม่ฟัง อยากให้ตำรวจจับไปดำเนินคดีให้ถึงที่สุด อย่าปล่อยออกมาเป็นภาระญาติพี่น้อง นำไปประหารหรือฆ่าทิ้งยิ่งดี เพราะผู้ตายและตนชุบเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก แต่หลานชายก็ไม่รู้บุญคุณเลย”

ขณะที่ นายกมล จำปาน้อย อายุ 52 ปี สามีผู้ตาย เล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนไปไถนาอยู่กลางทุ่ง ลูกเขยโทรศัพท์บอกว่า ภรรยาตนเองถูกหลานชายใช้มีดปาดคอเสียชีวิตแล้ว ตนรู้สึกตกใจมาก หากรู้ว่าภรรยาจะโดนฆ่า คงไม่ออกไปไถนาอย่างแน่นอน และไม่เคยคิดว่าหลานชายจะเนรคุณ ฆ่าป้าแท้ๆ ที่ชุบเลี้ยงมาตั้งแต่ยังเด็กได้อย่างเลือดเย็น จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนจุกจนพูดไม่ออก อยากให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ต้องปล่อยกลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้อีกต่อไป

พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า ช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. ได้รับแจ้งเหตุมีการก่อเหตุใช้อาวุธมีดปาดคอกันจนเสียชีวิต เบื้องต้นผู้ต้องหามีอาการป่วยทางจิต เนื่องจากเมื่อ 8 ปีก่อน ผู้ต้องหาเป็นช่างไฟฟ้าแล้วตกเสาไฟฟ้าขณะทำงาน จนต้องผ่าตัดสมอง เมื่อผ่าตัดแล้วก็มีอาการป่วย มีอาการคุ้มคลั่ง ต้องไปรับยาและกินยาตลอด 7 ปีก่อนเคยคุ้มคลั่งตำรวจต้องมาระงับเหตุมาแล้ว

ผู้ต้องหามีรายชื่ออยู่ในโครงการนาคาพิทักษ์ ซึ่งต้องมีการมาตรวจเยี่ยมอาการอยู่เป็นประจำ สอบสวนญาติทราบว่า เมื่อ 2 วันก่อน ผู้ต้องหาดื่มกาแฟและสูบบุหรี่จัด จนมีอาการคุ้มคลั่งและมีอาการนอนไม่หลับ พูดตลอดเวลา ก่อนเกิดเหตุได้ร้องโวยวาย ก่อนใช้อาวุธมีดปาดคอป้าตนเอง เบื้องต้นจับกุมตัวผู้ต้องหาเอาไว้ได้ และจะส่งตัวไปทำการรักษาอาการบาดเจ็บและทางจิตเวชที่โรงพยาบาลก่อน โดยแจ้งข้อกล่าวหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป