ตำรวจกองปราบปรามเดินหน้าสางคดีนายคม คงแก้ว อายุ 39 ปี หรือสมีคม อดีตประธานสงฆ์วัดป่าธรรมคีรี ร่วมกับนายวุฒิมา เถาว์หมอ อายุ 38 ปี หรือสมีพระมหาวุฒิมา เถาว์หมอ (หมอ) อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี และ น.ส.จุฑาทิพย์ ภูบดี วโรชุพันธุ์ อายุ 35 ปี น้องสาวสมีคม ร่วมกันยักยอกเงินวัดกว่า 280 ล้านบาท แจ้งข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และรับของโจร ตำรวจส่งตัวผู้ต้องหาฝากขังต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พร้อมคัดค้านประกันกันตัว คุมตัวส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพและทัณฑสถานหญิงกลาง

พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตรโสภากุล ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ รอง ผกก.3 บก.ป. แถลงผลการจับกุมพระลูกวัดวัดป่าธรรมคีรี จ.นครราชสีมา และฆราวาส ร่วมกระทำผิดยักยอกเงินวัดเพิ่มเติมอีก 6 คน ประกอบด้วย นายบุญส่ง หรืออดีตพระบุญส่ง ผ่าน ภูวงษ์ อายุ 34 ปี นายบัณฑิต หรืออดีตพระบัณฑิต ย่อยชา อายุ 42 ปี นายณัฐพัช หรืออดีตพระณัฐพัช ตั้งใจสนอง อายุ 36 ปี นายบุญเหลือ หรืออดีตพระบุญเหลือ โพธิ์ทอง อายุ 36 ปี นายธนกฤต หรืออดีตพระธนกฤต ยศสุรินทร์ อายุ 34 ปี และนายบุญศักดิ์ ภัทรโกศล อายุ 45 ปี คนขับรถ ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่ 67-72/2566 ลงวันที่ 9 พ.ค.66 ในข้อกล่าวหา เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ไปเป็นของตนเองโดยทุจริต, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติละเว้นการปฏิบัติละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และร่วมกันรับของโจร พร้อมเงินสด 5 ล้านบาท

พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน กล่าวว่า ภายหลังการจับกุมนายคม คงแก้ว นายวุฒิมา เถาว์หมอ และ น.ส.จุฑาทิพย์ ภูบดีวโรชุพันธุ์ ร่วมกันยักยอกเงินวัดป่าธรรมคีรีจำนวนกว่า 280 ล้านบาท ต่อมาเมื่อ วันที่ 6 พ.ค.ตำรวจกองปราบฯเร่งขยายผลต่อเนื่อง จนทราบข้อมูลสำคัญจากการสอบปากคำนายวุฒิมาว่า เคยนำเงินของวัดจำนวน 9 ล้านบาท ไปซื้อทองคำตามคำสั่งนายคม แล้วนำมาเก็บรักษาไว้ในตู้เซฟภายในกุฏิ จากนั้นเช้าวันที่ 7 พ.ค. ตำรวจเร่งนำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบแต่ไม่พบทองคำดังกล่าว เจ้าหน้าที่เร่งแกะรอยสืบหาเบาะแส กระทั่งทราบว่าก่อน เจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจสอบมีพระลูกวัด 5 รูป และฆราวาสอีก 1 คน เป็นคนขับรถของนายคมช่วยกันขนย้ายทองคำแท่งและเงินสดทรัพย์สินต่างๆ ใส่รถตู้ แล้วนำไปจอดไว้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งอยู่ห่างจากวัดประมาณ 10 กม.เพื่อเตรียมจะเคลื่อนย้ายหลบหนี

พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตรโสภากุล ผกก.3 บก.ป.กล่าวเสริมว่า แนวทางสืบสวนพบว่า นายคม นาย หมอ และ น.ส.จุฑาทิพย์ ขณะถูกจับกุม สั่งการให้ผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ช่วยกันขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากกุฏิของนายคมให้หมด แล้วนำไปซุกซ่อนไว้ตามสถานที่ต่างๆภายในวัด อีกทั้งในช่วงขณะที่ถูกควบคุมตัว นายคมยังออกอุบายขอยืมโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าจะขอติดต่อญาติให้นำยารักษาโรค ประจำตัวของน้องสาวมาให้ แท้จริงแล้วกลับแอบใช้โทรศัพท์สั่งการให้กลุ่มลูกน้องทั้ง 6 คน ช่วยกันขนย้ายเงินสดและทองคำออกไปข้างนอกวัดให้หมด แต่มีทรัพย์สินบางส่วนที่ไม่สามารถขนย้ายได้ทัน นำไปฝังดินไว้ที่บนภูเขาด้านหลังวัด ตรวจพบ
ทองแท่งมูลค่า 19 ล้านบาท และเงินสดอีก 80 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับและนำมาสู่การตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย พร้อมเงินสดอีก 5 ล้านบาท ขณะนี้ตรวจยึดทรัพย์สินของวัดกลับคืนมาแล้วกว่า 280 ล้านบาท

ขณะที่ พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ รอง ผกก.3 บก.ป.เผยว่า สำหรับวัดดังกล่าวเดิมที่มีพระอยู่จำนวน 22 รูป ถูกจับกุมและสึกไปแล้วรวม 9 รูป ส่วนผู้ร่วมขบวนการจากข้อมูลพยานหลักฐานขณะนี้เชื่อว่าส่วนใหญ่จะเป็นพระลูกวัดที่อยู่ภายใต้การควบคุมสั่งการได้ หรือพระลูกวัดที่สนิทและไว้ใจ ขณะนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ถูกจับกุมหมดแล้ว ส่วนทรัพย์สินของวัดที่ถูกยักยอกไปยังเชื่อว่าน่าจะมีมากกว่านี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบขยายผลติดตามกลับคืนต่อไป