ก่อนถึงเวลาหย่อนบัตรเลือกตั้ง ภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทยจาก 15 จังหวัดทั่วประเทศ เดินหน้าร้องพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่ยาสูบ อาทิ ประเด็นการถูกลดโควต้า 5 ปีติด ปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ปัญหาเงินชดเชย และบุหรี่เถื่อน เป็นต้น หวังรัฐบาลใหม่จริงจังแก้ปัญหาอุตสาหกรรมยาสูบให้ยั่งยืน โดยมี 4 พรรคการเมืองดังรับลูก โปรยยาหอมพร้อมผลักดันสนับสนุนแก้ไขปัญหาชาวไร่ยาสูบเต็มกำลังชาวไร่ยาสูบถูกบีบบังคับให้หมดอาชีพ

นายกิตติทัศน์ ผาทอง ผู้ประสานงานภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรชาวไร่ยาสูบทุกวันนี้กำลังย่ำแย่ ในอดีตการทำไร่ยาสูบเป็นอาชีพที่ยั่งยืน สร้างงาน สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวพวกเราได้เป็นอย่างดี ไม่เคยต้องขอรับเงินช่วยเหลือใดๆ แต่ภายหลังที่มีการปรับขึ้นภาษียาสูบเมื่อปี 2560 เป็นภาษี 2 อัตรา ทำให้อุตสาหกรรมยาสูบได้รับผลกระทบทั้งระบบ โดยกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือกลุ่มเกษตรกรชาวไร่ยาสูบเอง ที่ การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ปรับลดโควตารับซื้อใบยาสูบลงถึงร้อยละ 50 ถึง 5 ปีติดต่อกัน ล่าสุดในฤดูกาลผลิตพ.ศ. 2565-2566 ยสท. ได้ประกาศลดโควตารับซื้อลงอีกร้อยละ 25 ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวไร่ยาสูบกว่า 30,000 ครอบครัวอย่างหนัก เนื่องจากที่ผ่านมาก็ประสบปัญหาโควตาลดลงเรื่อยๆ อยู่แล้ว และยังมีปัญหาเรื่องต้นทุนในปัจจุบันที่เพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัวด้วย แม้กระทรวงการคลังได้อนุมัติวงเงินช่วยเหลือ 56.16 ล้านบาท ตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่จนถึงปัจจุบัน ชาวไร่ก็ยังคงไม่ได้รับเงินช่วยเหลือก้อนนี้

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล

“ชาวไร่ยาสูบยังคงต้องพึ่งพาการทำไร่ยาสูบ เพราะยังคงเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับชาวไร่ในขณะที่ยังหาพืชทดแทนอื่นๆ ไม่ได้ แต่โควตารับซื้อใบยาก็ถูกลดลงเรื่อย ๆ เพราะการแข่งขันด้านราคากับบุหรี่ต่างประเทศ บุหรี่เถื่อน และบุหรี่ไฟฟ้า ที่กำลังเติบโตแย่งไป พวกเราอยากเห็นแนวทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้เพื่ออุตสาหกรรมยาสูบของไทยมีความยั่งยืนสามารถแข่งขันในตลาดได้ จึงอยากฝากไปยังพรรคการเมืองและผู้สมัคร ส.ส. ให้แก้ไขปัญหาของเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ เร่งรัดการจ่ายเงินชาวไร่เป็นความสำคัญอันดับต้นๆ ภายหลังที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้ว” นายกิตติทัศน์ กล่าว

ทุกพรรคเห็นพ้องควรมีการแก้ปัญหายาสูบอย่างเป็นรูปธรรมนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาโควตาใบยาสูบ เงินชดเชยชาวไร่ และกองทุนชาวไร่ไว้ว่า เห็นใจชาวไร่ยาสูบเพราะตนเองก็เป็นคนพื้นที่ปลูกยา ควรแก้ปัญหาที่บุหรี่เถื่อนและภาษีเพื่อชาวไร่ เนื่องจากการยาสูบแห่งประเทศไทยโดนแย่งตลาดโดยบุหรี่เถื่อนไปมากกว่าร้อยละ 25 ของบุหรี่ที่ขายในประเทศ หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะมีการทำเรื่องปราบปรามบุหรี่เถื่อนอย่างแน่นอน​ด้านนายโอภาส อาลมิสรี ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ได้เสนอว่า ปัญหาเรื่องของยาสูบนั้นมาจากการเพิ่มภาษี ส่งผลให้บุหรี่ถูกกฎหมายมีราคาแพงและทำให้บุหรี่เถื่อนยิ่งทะลัก หากได้เป็นรัฐบาล จะเน้นย้ำเรื่องการปราบปรามบุหรี่เถื่อนเป็นหลัก เนื่องจากตนเห็นตัวเลขยอดจับกุมบุหรี่เถื่อนเพิ่มขึ้นจาก 600,000 ซองในปีก่อนหน้าพุ่งเป็น 3 ล้านซองในปี 2565

นายปริเยศ อังกูรกิตติ ผู้อำนวยการการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ พรรคไทยสร้างไทย เสนอการแก้ปัญหาโดยการแก้ไขภาษีและเพิ่มมูลค่ายาสูบ โดยนายปริเยศชี้ว่า ปัจจุบันคนสูบบุหรี่ไม่ได้ลดลง และเชื่อว่าปัญหาในปัจจุบันเกิดจากภาษี เนื่องจากในภาพรวมแล้วกรมสรรพสามิตเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น ขณะที่การยาสูบแห่งประเทศไทยมีรายได้ลดน้อยลง ส่วนเรื่องกองทุนชาวไร่ เชื่อว่าการเพิ่มมูลค่ายาสูบอาจจะเป็นทางออกที่ดีกว่าการมองไปที่กองทุน เช่น กรณีที่การยาสูบแห่งประเทศไทยทำยาสูบออแกนิคสำหรับใช้ในการแพทย์

ขณะที่นายณรงค์เดช อุฬารกุล ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอการแก้ปัญหาด้วยการกระจายอำนาจ ให้ชาวไร่ได้มีสิทธิตัดสินใจเอง และเสนอแนะการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ยาสูบ โดนนายณรงค์เดชกล่าวว่าปัญหานั้นมาจากการบริหารงานของการยาสูบแห่งประเทศไทย และตนเชื่อว่าควรมีชาวไร่ยาสูบอยู่ในบอร์ดบริหารด้วย รวมทั้งแก้ไขพรบ.การยาสูบให้มีหน้าที่ในการดูแลชาวไร่ยาสูบและทำให้ชาวไร่ยาสูบได้รับการดูแลที่เท่าเทียม นอกจากนี้ยังกล่าวว่าในปัจจุบันยังไม่มีคณะอนุกรรมการที่ดูแลเรื่องใบยาสูบโดยเฉพาะจัดตั้งกองทุนชาวไร่ยาสูบ

นายสันต์ หารสุโพธิ์ ตัวแทนเครือข่ายชาวไร่ยาสูบภาคอีสาน แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง หลายๆ พรรคต่างก็ออกมาบอกว่าจะดูแลพี่น้องชาวไร่ให้ไม่ลำบากขัดสน เราก็อยากให้มีคนเข้ามาดูแลชาวไร่ยาสูบอย่างจริงจังกว่านี้ ปัจจุบันนี้เวลามีภัยธรรมชาติหรือชาวไร่ได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐ เช่น การขึ้นภาษี ก็ไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแลชาวไร่ยาสูบโดยตรง เราต้องพึ่งพาตัวเองและเรียกร้องเองมาตลอด เราอยากให้มีการจัดตั้งกองทุนชาวไร่ยาสูบที่เป็นรูปธรรม ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหา และสร้างความยั่งยืนในอาชีพได้ ซึ่งเงินตรงนี้ก็ไม่ต้องไปเพิ่มงบประมาณใหม่แต่อย่างใด เพียงแต่ขอเสนอให้แบ่งงบประมาณมาจากกองทุนที่ได้รับเงินจากภาษียาสูบ เช่น สสส. หรือไทยพีบีเอส ปีละหลายพันล้านมาให้ชาวไร่บ้าง

เช่นเดียวกับ นายประเสริฐ สวนทรัพย์ นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เล่ย์จังหวัดสุโขทัย เผยว่า“พืชผลทางการเกษตรชนิดอื่นๆ เขามีหน่วยงานคอยช่วยเหลือดูแล แต่ชาวไร่ยาสูบอย่างเราไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงเกษตรฯที่ชำนาญเรื่องของการเกษตรและเกษตรกร แต่ดูแลโดยกระทรวงการคลังซึ่งชำนาญเรื่องการเงิน เวลาเจอปัญหาไม่วาจะเรื่องขึ้นภาษี หรือมีภัยธรรมชาติอย่างลูกเห็บถล่มทีไร ชาวไร่ยาสูบก็ต้องดูแลกันเอง ดังนั้นจึงอยากให้มีการจัดตั้งกองทุนชาวไร่ยาสูบ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นคงในอาชีพ แทนที่จะมีปัญหาก็ไปแบมือขอเงินรัฐเหมือนอย่างที่ผ่านมา”