ตราด-ชนสนั่นยับเยินกันทั้งคู่! เก๋งประสานกับรถกระบะ บริเวณใกล้เคียงวัดวิเวกวราม ถนนสุขุมวิท ขาออกเมืองตราด เสียชีวิตสลดคาซากรถ 1 ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ อีกรายเจ็บโคม่า

ศูนย์รับแจ้งเหตุ 1669 ได้รับแจ้งเมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 13 เม.ย.66 เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกัน มีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 ราย บริเวณใกล้เคียงวัดวิเวกวราม ถนนสุขุมวิท ขาออกเมืองตราด ต.เนินทราย อ.เมือง จ.ตราด หลังรับแจ้งจึงประสานกู้ภัยเดินทางรับผู้บาดเจ็บ พร้อมประสาน พ.ต.ต.เอกราช ภาเภา สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองตราด เดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ส สีขาว หมายเลขทะเบียน ญล 7964 กรุงเทพมหานคร ตกลงไปอยู่ริมถนน สภาพรถพังยับเยิน คนขับติดภายใน ทราบชื่อคือ นายนายฐิติกร พูลประสงค์ อายุ 24 ปี ชาว ต.บางปิด อ.แหลมงอบ จ.ตราด ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่มีชีพจร เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือจังหวัดตราด ต้องใช้เครื่องตัดถ่างเข้าช่วยเหลือเนื่องจากร่างถูกอัดก็อปปี้ ดวงตาข้างซ้ายหลุดจากใบหน้า

โดยใช้เวลาช่วยเหลือประมาณ 5 นาที จึงนำร่างออกมาจากรถได้ พร้อมกับปั๊มหัวใจช่วยชีวิต ส่วนคู่กรณีเป็นรถกระบะฟอร์ด หมายเลขทะเบียน บธ 6111 สกลนคร สภาพรถพลิกคว่ำล้อชี้ฟ้า ด้านหน้าพังยับเยิน คนขับถูกรถทับอยู่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่างช่วยยกรถ เพื่อนำร่างคนขับออกจากรถ ทราบชื่อคือ นายกิติชัย ธนะคำดี อายุ 45 ปี ชาว ต.ท่าพริก อ.เมือง จ.ตราด ไม่มีชีพจรแล้ว เจ้าหน้าที่ต้องปั๊มหัวใจช่วยเหลือ

จากนั้นรถกู้ชีพโรงพยาบาลตราดและรถกู้ชีพโรงพยาบาลกรุงเทพตราด เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุก่อนจะนำผู้บาดเจ็บทั้ง 2 รายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตราด เบื้องต้นการจากตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่ารถกระบะกำลังมุ่งหน้าเข้าไปทาง ต.ท่าพริก ส่วนรถเก๋งกำลังขับเข้าตัวเมืองตราด เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคาดว่ารถทั้ง 2 คัน ต่างฝ่ายต่างหลบ ก่อนจะพุ่งประสานงากันอย่างแรง

ล่าสุด นายนายฐิติกร เสียชีวิตแล้ว หลังแพทย์พยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิต ขณะที่ นายกิติชัย กลับมามีชีพจรแล้วแต่อาการยังโคม่า ส่วนสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ตำรวจยังไม่สามารถสรุปได้ว่าใครผิดใครถูก เนื่องจากจุดที่ชนกันอยู่บริเวณเกาะกลางถนน (เกาะสี) พอดี ซึ่งจะตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

สำหรับอุบัติเหตุในครั้งนี้ ผู้เสียชีวิตเป็นรายที่ 2 ของจังหวัดตราด ในช่วง 7 วันอันตราย เทศกาลสงกรานต์ตราด ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2566 ซึ่งจังหวัดตราด ได้กำหนดเป้าหมายไว้ไม่ให้มีผู้เสียชีวิตเกิน 2 ราย