ภรรยา ‘เสี่ยบี’ เจ้าของผับ เมาน์เทน บี ครวญไม่คิดหลบหนี พร้อมชดใช้ผู้เสียหาย ยอมรับสภาพจิตใจย่ำแย่ ยันทำกับสามี 2 คน ไม่มีคนมีสีมาร่วม

เมื่อวันที่ 7 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา นางอนงค์นารถ อายุ 31 ปี ภรรยาของนายพงศ์ศิริ อายุ 28 ปี หรือ “เสี่ยบี” เจ้าของผับเมาน์เทน บี เปิดเผยว่า ในเหตุการณ์วันนั้นร้านก็เปิดให้บริการตามปกติ ในส่วนของผู้บริหารทั้งเสี่ยบี และตนมีนัดกันจะเข้าไปเช็คซาวน์ในร้านที่ปรับเปลี่ยนใหม่ หลังเช็คสต๊อกของเสร็จ ด้วยนัดทางช่างที่มาติดตั้งไว้แล้ว แต่ปรากฏว่าหลังเข้าไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นจากบริเวณด้านในก่อนไฟจะลุกลามขึ้น

จากนั้นจึงจะโกนบอกทุกคนว่าไฟไหม้ให้รีบหลบหนีออกมาด้านนอก พร้อมสั่งการให้พนักงานช่วยเหลือลูกค้าที่ติดอยู่ภายใน โดยตนเองก็พยายามวิ่งเข้าไปร่วมด้วย แต่ขณะนั้นก็เกิดกลุ่มควันดำพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง

ช่วงนั้นหลังตั้งสติได้ก็ตัดสินใจโทรแจ้งขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยกู้ภัยและดับเพลิง จนการ์ดของทางร้านตะโกนบอกว่าห้ามเข้าภายใน กำลังจะระเบิดจึงวิ่งออกมาหลบด้านนอก ก่อนเกิดการระเบิดขึ้นซึ่งมีเปลวไฟโหมออกมาด้านนอกอย่างรุนแรง จึงเข้าไปหลบในห้องด้านนอก ซึ่งจังหวะนั้นก็มีผู้บาดเจ็บที่ลำตัวมีเปลวไฟวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือจึงพยายามดับไฟและผ้าห่มมาคลุมตัวไว้

ส่วนตัวยอมรับว่าสภาพของผู้ได้รับบาดเจ็บเห็นแล้วยังรู้สึกทำใจไม่ได้ และเหตุการณ์ถือว่าชุลมุนเป็นอย่างมาก กระทั่งหน่วยกู้ภัยมาถึง จึงร้องขอความช่วยเหลือ

“ช่วงที่เกิดเหตุการณ์ทั้งสามีและดิฉันก็อยู่ และพยายามช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับบาดเจ็บไม่ได้หลบหนีไปแต่อย่างใด โดยตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นก็อยู่โรงพักมาตลอด 2 วันไม่ได้อาบน้ำ เนื้อตัวมีแต่กลิ่มไหม้ ขณะที่สภาพจิตใจก็ย่ำแย่เป็นอย่างมาก” นางอนงค์นารถ กล่าว

ทั้งนี้สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องกราบขออภัยผู้ที่ประสบเหตุและครอบครัวเป็นอย่างมาก ด้วยไม่ได้มีเจตนาให้เหตุการณ์มันเกิดขึ้น ส่วนตนและสามีก็เป็นเพียงแค่คน 2 คนที่พยายามทำมาหากินเท่านั้น และพร้อมจะรับผิดชอบดูแลทุกอย่างที่สามารถทำได้ แม้ว่าสิ่งที่พูดจะไม่สามารถชดใช้เรื่องที่เกิดขึ้นได้ก็ตาม ซึ่งต้องขอโทษจากใจจริงๆ

ส่วนกรณีที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่ามีคนมีสีมาเอี่ยว มีนักการเมืองเป็นแบ็คอัพให้นั้น เรื่องจริงคือไม่มีใครมาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เป็นเพียงแค่ความคิดของตนและสามีเท่านั้น ที่อยากจะเปิดกิจการเป็นของตัวเอง เพื่อทำธุรกิจและดำเนินชีวิต