สธ. แจงเกณฑ์จ่าย โมลนูพิราเวียร์ ต้องมีอาการขนาดไหน เตือนมีผลข้างเคียงกลายพันธุ์ ย้ำอยู่ที่ดุลยพินิจ “หมอ” เผยบริษัทแม่ห่วงซื้อกินเอง บางตัวไม่ได้ลิขสิทธิ์

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยถึงกรณีกลุ่มเสี่ยง 608 ไม่ได้รับการจ่ายยาโมลนูพิราเวียร์ แต่ได้ฟาวิพิราเวียร์ ว่า แนวทางการรักษาของกรมการแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญได้ประชุมหารือและปรับปรุงเรื่อยมาจนถึงฉบับที่ 24 แล้ว ซึ่งการจ่ายยาโมลนูพิราเวียร์นั้น ถ้าผู้ติดเชื้อมีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง ร่วมกับมีปัจจัยเสี่ยงข้อใดข้อหนึ่ง คือ ผู้สูงอายุเกิน 60 ปี หรือมีโรคร่วม หรือไม่ได้ฉีดวัคซีนครบตามกำหนดคือไม่ได้รับเข็มกระตุ้น โดยไม่ต้องมีโรคร่วม ก็เข้าเกณฑ์รับยาโมลนูพิราเวียร์แล้ว ซึ่งการจ่ายยาใดนั้นจะเป็นดุลยพินิจของแพทย์ที่มีความใกล้ชิดผู้ป่วยมากที่สุด ซึ่งพิจารณาเป็นเคสบายเคส และย้ำว่ายาโมลนูพิราเวียร์ที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) นำเข้ามามีเพียงพอ

“จากการหารือกับบริษัทเมอร์ค ขณะนี้ก็มี รพ.เอกชนประมาณ 10 แห่ง สั่งซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ด้วยเงื่อนไขเดียวกับกรมการแพทย์ แต่ในส่วนนี้ของเอกชนก็จะมีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ บริษัทยังกังวลเรื่องยาโมลนูพิราเวียร์ที่มีในท้องตลาด บางตัวได้ลิขสิทธิ์บางตัวไม่ได้ จึงไม่อยากให้ซื้อกินเอง

ทั้งนี้ ยาฟาวิพิราเวียร์และโมลนูพิราเวียร์ยังเป็นยาที่ใช้ในภาวะฉุกเฉิน จึงต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ และติดตามผลอาการข้างเคียง ซึ่งทางเมอร์คกังวล เพราะยาผ่านการทดลองยังไม่ถึงปี” นพ.สมศักดิ์กล่าวและว่า ส่วนยาฟาวิพิราเวียร์เราให้ในสตรีตั้งครรภ์และเด็กที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง เนื่องจากมีงานวิจัยของศิริราชออกมาว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ลดอาการได้ แต่ไม่ได้ลดปริมาณไวรัส

นพ.สมศักดิ์ กล่าวถึงการแสดงความคิดเห็นของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ว่า หลักเกณฑ์แนวทางการรักษาผ่านการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญ ใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งความเห็นต่างๆ เรายินดีรับฟัง แต่ถ้าเอาความเห็นของคนทั่วไปที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาใช้ก็จะเป็นการแทรกแซง ซึ่งแนวทางการรักษาเราใช้ทั้งหลักวิชาการและบริหารไปด้วยกัน ยืนยันว่าข้อมูลต่างๆ สธ.พูดความจริง บางส่วนเป็นการตัดสินใจของอินฟลูเอนเซอร์เองนั้นเราก็คงไม่ไปก้าวล่วง

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การจ่ายยาต้านไวรัสในการรักษาผู้ป่วยโควิด ต้องจ่ายให้ถูกโรค ถูกคน และถูกเวลา และต้องใช้อย่างเหมาะสม ยาโมลนูพิราเวียร์ มีความกังวลในการใช้ เนื่องจากมีผลข้างเคียงเรื่องการกลายพันธุ์ในสัตว์ทดลอง ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ยาตัวนี้จึงไม่มีการจ่ายให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือหญิงตั้งครรภ์ ดังนั้น การจ่ายยาต้องสมเหตุสมผล