เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2566 เจ้าหน้าที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ลงพื้นที่ปฏิบัติงานกรณีการปนเปื้อนวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในโรงงานหลอมโลหะ จ.ปราจีนบุรี พบการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในเตาหลอมโลหะจำนวน 1 เตา จากเตาหลอมทั้งหมด 3 เตา ซึ่งผลการตรวจสอบพบการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในระดับต่ำ (ระดับรังสี 0.07- 0.10 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง) ในขณะที่เตาหลอมโลหะหมายเลข 1 และหมายเลข 2 ไม่พบการปนเปื้อนของวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 และไม่พบการปนเปื้อนในชิ้นส่วนอุปกรณ์ถ่ายเทน้ำเหล็ก (ระดับรังสี 0.03-0.05 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง)

นอกจากนี้ ยังพบการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในระบบการดูดฝุ่น (Dust Filter) และระบบกรองฝุ่น (อัตราปริมาณรังสีเท่ากับ 1.2-1.7 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง) และมีฝุ่นจำนวนหนึ่งที่อยู่ในระบบกรองฝุ่นโลหะปนเปื้อนซีเซียม-137 จากการหลอมโลหะเมื่อวันที่ 18-19 มีนาคม 2566 ซึ่งขณะนี้รอให้ฝุ่นปนเปื้อนดังกล่าวเย็นลงและเตรียมบรรจุลงในถุงขนาดใหญ่ จากนั้นจะนำไปจัดเก็บในอาคารเก็บฝุ่นแดงปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 รวมกับ 24 ถุงที่ตรวจสอบพบการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ จนท.ปส.ได้ทำการตรวจวัดระดับปริมาณรังสี โดยใช้เครื่องสำรวจและระบุชนิดสารกัมมันตรังสีบริเวณหน้าดินในพื้นที่โรงงานพบว่า ระดับปริมาณรังสีอยู่ในระดับเท่ากับระดับปริมาณรังสีในธรรมชาติ (0.03 – 0.05 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง)

สำหรับ การตรวจวัดปริมาณรังสีรอบในสิ่งแวดล้อม จนท.ได้ตรวจวัดระดับปริมาณรังสีโดยใช้เครื่องมือวัดทางรังสีและติดตั้งในรถยนต์ โดยตรวจวัดระดับปริมาณรังสีในพื้นที่โรงงานที่เกิดเหตุ ผลการตรวจสอบพบว่า ระดับรังสีที่ตรวจวัดได้อยูในระดับรังสีในธรรมชาติ และตรวจวัดปริมาณรังสีในสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่รอบบริเวณโรงงาน ในรัศมีระยะทางประมาณ 3 กม. ในพื้นที่ 4 จุดใหญ่ ดังนี้ 3.1 พื้นที่บริเวณหมู่บ้านโคกกระท้อน ม.10 ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี 3.2 พื้นที่บริเวณหมู่บ้านซ่ง ม.3 ต.หาดนางแก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี 3.3 พื้นที่บริเวณบ้านหาดสูง ม.2 ต.หาดนางแก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี 3.4 พื้นที่บริเวณ อบต.หาดนางแก้ว ต.หาดนางแก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี

อย่างไรก็ตาม จนท.ปส.ได้ตรวจวัดและประเมินค่าซีเซียม-137 ที่ได้รับเข้าสู่ร่างกาย โดยดำเนินการตรวจวัดปริมาณรังสีพนักงานโรงงานที่เกิดเหตุ โดยพิจารณาจากความเสี่ยงที่ได้รับด้วยการบันทึกข้อมูลรายละเอียดการได้รับรังสี และตรวจวัดและประเมินค่าปริมาณรังสีเบื้องต้น ณ บริเวณจุดเกิดเหตุ แบ่งเป็น 2.1 การตรวจสอบการเปรอะเปื้อนจากภายนอกร่างกาย 2.2 การตรวจวัดรังสีแกมมาด้วยเครื่องวัดรังสีที่อวัยวะแบบเคลื่อนย้ายได้ จากนั้นเก็บตัวอย่างจากปัสสาวะของกลุ่มเสี่ยงตามแนวทางการเก็บโดยกำหนดเวลา 24 ชม. แล้วนำมาตรวจวัดที่ห้องปฏิบัติการ ปส. ด้วยเครื่องวัดรังสีแกมมา พร้อมติดตามผลกระทบที่เกิดจากการได้รับสารรังสีเป็นระยะ