ชาวประมงขอบคุณ
“เฉลิมชัย-อลงกรณ์”ทำได้ไวทำได้จริง ช่วยชาวประมงทั่วประเทศลดรายจ่ายยกเว้นค่าธรรมเนียม-ใบอนุญาตประมงพื้นบ้านกว่า5หมื่นลำและประมงเพาะเลี้ยง1.6 หมื่นราย

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทยเปิดเผยวันนี้ว่า กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านใน23จังหวัดชายทะเลและกลุ่มประมงเพาะเลี้ยงชายฝั่งได้แสดงความขอบคุณ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมประมงและประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทยที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนจากการประกอบอาชีพเนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19และดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วในการยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. …” ให้แก่พี่น้องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงหอยทะเล สัตว์น้ำในกระชัง และสัตว์น้ำอื่นๆ ที่ทำการเพาะเลี้ยง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด -19 โดยเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบกฎกระทรวง “ยกเว้นค่าอากรใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมงและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน พ.ศ. …” ให้กับพี่น้องประมงพื้นบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด -19 โดยแบ่งเป็นผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จำนวนกว่า 16,700 ราย คิดเป็นเงินกว่า 50 ล้านบาท ในพื้นที่ 67 จังหวัด และ ชาวประมงพื้นบ้าน จำนวนกว่า 50,000 ลำ คิดเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท ในพื้นที่ 23 จังหวัด รวมแล้วสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายได้กว่า 70 ล้านบาท

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เริ่มต้นจากเมื่อปลายปีที่แล้วกลุ่มประมงเพาะเลี้ยงและกลุ่มประมงพื้นบ้านได้นำเเสนอขอความช่วยเหลือยกเว้นค่าธรรมเนียมและใบอนุญาตในการประชุมกับตนและประมงจังหวัดเพชรบุรีที่วัดอุตตมิงค์ อำเภอบ้านแหลมจังหวัดเพชรบุรี
จึงได้รายงานให้ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นชอบในหลักการและมอบหมายกรมประมงดำเนินการเสนอเรื่องต่อ
คณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทย ซึ่งมีนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทย เห็นชอบและให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอร่างกฎกระทรวงเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติ “ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. …” ให้แก่พี่น้องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงหอยทะเล สัตว์น้ำในกระชัง และสัตว์น้ำอื่นๆ ที่ทำการเพาะเลี้ยง และ “ยกเว้นค่าอากรใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมงและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน พ.ศ. …” ให้กับพี่น้องประมงพื้นบ้าน
ซึ่งล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันอังคารที่ 14 มีนาคม 2566 มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผ่าน (ร่าง) กฎกระทรวงดังกล่าวทั้ง 2 ฉบับ

“เรามุ่งมั่นในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงให้มีความยั่งยืน สร้างความอยู่ดีมีสุขของพี่น้องเกษตรกร ชาวประมง และผู้ประกอบการด้านประมง เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาชีพประมงและด้านเศรษฐกิจของประเทศต่อไป”

นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า จากนี้กรมประมงจะได้เร่งรัดให้ประมงจังหวัดและประมงอำเภอในพื้นที่สร้างความเข้าใจและประชาสัมพันธ์ถึงสิทธิตามกฎหมายดังกล่าวให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและพี่น้องชาวประมงได้รับทราบโดยทั่วกัน .