อุบลราชธานี-ญาติไม่พอใจตำรวจวิสามัญฯหนุ่มวัย 42 ทำเกินกว่าเหตุ ขณะเห็นน้องชายถูกรุมทำร้าย ไม่รู้ว่าเป็นตำรวจ “นอกเครื่องแบบ” 4-5 นาย มาจับยา คว้ามีดเข้าช่วย สุดท้ายโดนยิงเสียชีวิต ส.ต.อ.อ้างป้องกันตัว แต่กดไป 3 นัด ผกก.สภ.นาจะหลวย ยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2565 นายคาร ระเม็ก อายุ 64 ปี พร้อมญาติพี่น้องมารับศพ นายสังวาลย์ ระเม็ก อายุ 42 ปี ชาวบ้านโนนเจริญ หมู่ 7 ต.บ้านตูม อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี จากแผนกนิติเวชโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ซึ่งเสียชีวิตจากการถูก ส.ต.อ.คมกฤษณ์ (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบของ สภ.นาจะหลวย ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงเข้าที่แขนซ้าย แขนขวา กระสุนเข้าปอด และหน้าอก รวมทั้งหมด 3 นัด กลับบ้านไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด

นายคาร บิดาของผู้เสียชีวิต เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. ของวันที่ 1 ส.ค. ชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบของ สภ.นาจะหลวย จำนวน 4-5 คน แต่งกายนอกเครื่องแบบเข้ามาจับกุม นายอรุณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นน้องชายคนละพ่อของคนตายที่มีพฤติกรรมเสพและขายยาบ้าบริเวณกลางทุ่งนาด้านทิศเหนือของหมู่บ้านโนนเจริญ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมมีการเตะ ถีบ และจับน้องชายของคนตายกดลงกับท้องร่องคันนา

นายสังวาลย์ คนตายที่กำลังใช้มีดดายหญ้ายาวประมาณ 70 เซนติเมตร อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ เห็นน้องถูกทำร้าย และไม่ทราบว่าทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ เพราะแต่งตัวนอกเครื่องแบบ วิ่งตรงเข้ามาใช้มีดดายหญ้าขัดขวาง ทำให้ ส.ต.อ.คมกฤษณ์ หนึ่งในชุดจับกุมใช้ปืนขนาด 9 มม.ยิงเข้าใส่คนตาย จำนวน 3 นัด จนเสียชีวิตดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า เป็นการป้องกันตัวที่คนตายจะใช้มีดเข้ามาทำร้ายเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้ตนเห็นว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุ เพราะแค่ยิงเข้าใส่แขน ขา หรือลำตัว เป็นการเตือนแค่นัดเดียวก็น่าจะเพียงพอ ไม่ต้องยิงถึง 3 นัด จึงต้องการขอความเป็นธรรมจากการปฏิบัติหน้าที่ที่เกินกว่าเหตุในครั้งนี้ด้วย และยอมรับว่า นายอรุณ เคยมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจริง และหลังเกิดเหตุก็ได้หลบหนีออกไปจากพื้นที่แล้ว

ด้าน พ.ต.อ.วีระพันธ์ นาคสุข ผกก.สภ.นาจะหลวย เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบของ สภ.นาจะหลวย ได้รับรายงานจากสายลับว่า มีการมั่วสุมและจำหน่ายยาเสพติดภายในเถียงนาบ้านโนนเจริญ ต.ตูม อ.นาจะหลวย จึงได้จัดกำลังเข้าตรวจสอบ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเป็นเถียงนา อยู่ห่างจากถนนประมาณ 300 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้กระจายกำลังเข้าปิดล้อมตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าใกล้ถึงเถียงนาดังกล่าว ได้มีชาย 2 คน ทราบชื่อภายหลัง คือ นายสังวาลย์ ผู้ตาย และนายอรุณ วิ่งออกมาจากเถียงนาโดยแยกกันไปคนละทาง นายอรุณมีกระเป๋าสะพายข้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าอาจมียาเสพติดจึงได้ไล่ติดตามจนถึงกลางทุ่งนา ก่อนจะจับนายอรุณกดลงกับพื้นเพื่อใส่กุญแจมือ

เมื่อนายสังวาลย์เห็นน้องชายถูกจับ จึงได้คว้ามีดดายหญ้าวิ่งเข้าหา ส.ต.อ.คมกฤษณ์ ทำให้ ส.ต.อ.คมกฤษณ์ ต้องยิงปืนขู่ลงพื้น 1 นัด พร้อมทั้งผลักนายอรุณออกจากตัว ก่อนจะถอยหลังแล้วลื่นล้ม ทำให้นายสังวาลย์ง้างมีดฟันไปที่บริเวณศีรษะของส.ต.อ.คมกฤษณ์ จึงได้ใช้เท้ายันไว้ทำให้มีดถูกบริเวณหัวเข่าของ ส.ต.อ.คมกริช เป็นแผล แต่นายสังวาลย์ยังมีท่าทีที่จะฟันซ้ำ ส.ต.อ.คมกฤษณ์ จึงได้ยิงสวนขึ้นไป 2 นัด ทำให้นายสังวาลย์ล้มลงทันที นายอรุณเมื่อเห็นพี่ชายถูกยิงล้ม จึงได้วิ่งหลบหนี ต่อมา ส.ต.อ.คมกฤษณ์ เห็นว่านายสังวาลย์หมดสติจึงได้ทำการปั๊มหัวใจ แต่ก็ไม่เป็นผล เสียชีวิตในเวลาต่อมา

จากการตรวจสอบกระเป๋าสะพายข้างที่ยึดได้จากนายอรุณ พบภายในมียาบ้าจำนวน 95 เม็ด เงินสดกว่า 3,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดเอาไว้เป็นของกลาง พร้อมกับประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง แพทย์เวรโรงพยาบาลนาจะหลวย ร่วมกันทำการชันสูตรพลิกศพ ก่อนจะส่งแผนกนิติเวชเพื่อผ่าชันสูตรประกอบสำนวนในคดี

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหานายสำราญผู้ตาย 3 ข้อหา คือ ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีครอบครองยาเสพติดประเภทที่ 1 ยาบ้า, ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่, ร่วมกันต่อสู้ขัดขืนเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ส่วน ส.ต.อ.คมกฤษณ์ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยอ้างเหตุป้องกันตัวขณะปฏิบัติหน้าที่

ส่วนนายอรุณที่อยู่ระหว่างหลบหนี และเป็นผู้ถือกระเป๋าดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป