นครศรีธรรมราช-คนร้ายฆ่าโหดสาวใหญ่วัย 42 ปี ฝังศพกลางป่าเขา คาดฝีมือขบวนการค้ายา โยงธุรกิจค้ายาเสพติดของสามี

พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่กองกำกับการ 5 กองปราบปราม ว่าพบศพถูกฆาตกรรมฝังทิ้งไว้บนภูเขาในบริเวณบ้านเขาล้อม หลังสำนักสงฆ์เขาล้อม หมู่ 7 ตำบลพรหมโลก อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วยพนักงานสอบสวน สภ.พรหมคีรี เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรชันสูตร และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยประชาร่วมใจ เข้าช่วยเหลือกู้ศพ

ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าและใช้รถจักรยานยนต์ไต่ไปตามหุบเขาสูง เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาหลวง และพื้นที่ป่าสงวนแต่มีชาวบ้านได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้แต่ดั้งเดิม ตามมติครม.41 บริเวณชายป่าริมลำห้วยพบหลุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่ามีศพฝังอยู่ในหลุมดังกล่าว หลังจากที่เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานใกล้เคียงที่เกิดอย่างละเอียด พบว่ามีจอบสำหรับขุดดินอยู่ห่างจากจุดหลุมศพประมาณ 100 เมตร ในเขตสวนผลไม้ของชาวบ้าน

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เริ่มขุดหลุมศพกลิ่นเหม็นเน่าอย่างรุนแรงได้โชยออกมา จึงต้องใช้วิธีนำธูปหอมห่อใหญ่มาจุดเพื่อดับกลิ่นก่อนที่จะเข้าตรวจสอบขุดหลุมศพ ลึกจากพื้นดินราว 1 เมตร พบศพหญิงอยู่ในชุดเดรสสีเหลืองนอนตะแคงในหลุม ถูกห่อด้วยผ้าห่มผืนใหญ่ สภาพเน่าเปื่อย แพทย์ไม่สามารถระบุเวลาการตายที่ชัดเจนได้เนื่องจากศพถูกกดทับด้วยน้ำหนักดินและหิน และไม่ชัดเจนสภาพบาดแผลจากการเน่าเปื่อยต้องนำส่งศูนย์นิติเวชเพื่อชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ระบุว่าผู้เสียชีวิตรายนี้คือ สุดารัตน์ อัตถวิจิตร อายุ 42 ปี ชาวอำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ได้ถูกแจ้งการหายตัวออกจากบ้านไปเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 โดยเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้าได้มีการออกหมายจับชายผู้ที่เกี่ยวข้องในการหายไปตัวไปแล้ว 1 ราย ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ บุกรุกเคหสถานจากภาพวงจรปิดที่ได้จากบ้านของผู้ตาย โดยผู้ต้องหาชายรายนี้ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่แล้วอ้างว่าได้ส่งนางสุดารัตน์ในแถบอำเภอเมือง ก่อนที่จะแยกย้ายและไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีก ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนหลายหน่วยได้ติดตามสืบสวนอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเจ้าหน้าที่กองกำกับการ 5 กองปราบปรามได้ติดตามสืบสวนจนพบเบาะแสการสูญหาย และได้เข้าค้นหาในบริเวณใกล้จุดพบศพจนพบร่องรอยสำคัญจนนำไปสู่การพบศพ

พล.ต.ต.สมชาย กล่าวว่า ผู้ตายได้หายออกจากบ้านไปร่วม 1 เดือน จนกระทั่งมาพบศพอยู่ที่นี่ ซึ่งคดีนี้ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าผู้ตายเสียชีวิตที่ไหน ถูกนำศพมายังจขุดนี้ได้อย่างไร ใครเป็นผู้เกี่ยวข้อง และสาเหตุการตายที่ชัดเจน ซึ่งจะได้เชื่อมโยงได้ถูกต้อง โดยคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลอยู่ทั้งหมดแล้ว

ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนรายหนึ่งระบุว่า ก่อนหน้าที่ นางสุดารัตน์ จะหายตัวไป สามีของนางสุดารัตน์ถูกจับกุมยาเสพติดพร้อมของกลางจากการเป็นผู้ค้ารายใหญ่ หลังจากนั้นได้มีความพยายามจากกลุ่มวงการยาเสพติดติดตามมาเพื่อให้นางสุดารัตน์ชดใช้ค่ายาเสพติดที่ถูกจับกุมไป จนกระทั่งมีการอุ้มนางสุดารัตน์ออกจากบ้านหายตัวไป แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ติดตามต่อเนื่องจนพบว่ารถยนต์ของนางสุดารัตน์เป็นรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวที่หายไปพร้อมกับผู้ตาย ถูกยึดได้ที่แถบจังหวัดกาญจนบุรี แต่ไม่พบตัวผู้ตาย ไม่มีหลักฐานว่าเกิดเหตุร้ายหรือไม่ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามสืบสวนจนเชื่อว่ามีการฆ่านางสุดารัตน์ หลังจากนั้นได้นำศพมาฝังอำพราง โดยลักษณะการอำพรางนั้นมีการห่อด้วยผ้าห่มแล้วเคลื่อนย้ายมาที่นี่ และน่าเชื่อว่ามีการแบกหามขึ้นไปโดยมีคนร่วมก่อเหตุมากกว่า 3 คน.