“บิ๊กรอย” นำทัพ บช.ปส.ปิดล้อมตรวจค้น 20 จุด ในพื้นที่ เชียงราย พะเยา ชัยนาท ยึดทรัพย์แก๊งยานรกรายใหญ่ภาคเหนือกว่า 63 ล้านบาท อีกคดีขยายผลยึดยาบ้า 5.6 ล้านเม็ด คีตามีน 10 กิโลกรัม

พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. พล.ต.ท.พรชัย เจริญวงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง ผบก.ปส.1 พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง ผบก.ปส.3 นำกำลังชุดปราบปรามยาเสพติด บช.ปส. ร่วมกับ ป.ป.ส., ตำรวจภูธร ภาค 5, ศอ.บส.ชน., บก.ตชด.ภาค 3, และ สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย (DEA) เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น 20 จุด ในพื้นที่ จ.เชียงราย, พะเยา และชัยนาท ยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ 4 เครือข่าย ได้แก่ “เครือข่ายนายฮ้อยทมิฬ, เครือข่ายม้งแม่เปา, เครือข่ายอาข่าผาขาว, เครือข่ายฝิ่นดิบมูเซอ” รวมมูลค่า 63 ล้านบาท และจับกุมเครือข่ายขนยาเสพติดภาคอีสาน ยึดยาบ้า 5,690,000 เม็ด, คีตามีน 10 กิโลกรัม

พล.ต.อ.รอย กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ชุดปราบปรามยาเสพติด บช.ปส. ได้จับกุมขบวนการค้ายาเสพติด 3 คน พร้อมยาบ้า 7 ล้านเม็ด จากการขยายผลทราบว่าเป็นเครือข่ายนายฮ้อยทมิฬ จึงขยายผลจนพบว่าเครือข่ายดังกล่าวมีการลำเลียงยาเสพติดมากกว่า 20 ครั้ง รวมยาบ้าที่ถูกลำเลียงมาแล้วประมาณ 50 ล้านเม็ด โดยพบบัญชีของผู้ร่วมขบวนการ ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาจนถึงถูกจับกุม มีเงินหมุนเวียนมากกว่า 400 ล้านบาท โดยกลุ่มผู้สั่งการจะส่งเงินส่วนหนึ่งให้กับเจ้าของยาเสพติดภายนอกประเทศ อีกส่วนหนึ่งจะนำมาซื้อทรัพย์สิน อาทิ บ้าน, ที่ดิน, ทองคำ, รถหรู และเก็บเงินสดไว้ในบัญชีธนาคารส่วนตัว จึงนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
สำหรับเครือข่ายยาเสพติดชายแดนภาคเหนือทั้ง 4 เครือข่าย ได้แก่ เครือข่ายนายฮ้อยทมิฬ,เครือข่ายม้งแม่เปา, เครือข่ายอาข่าผาขาว และเครือข่ายฝิ่นดิบมูเซอ เป็นเครือข่ายใหญ่ที่ขนยาเสพติดจำนวนมากลงมาภาคกลาง เจ้าหน้าที่จึงปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 20 จุด ในพื้นที่ จ.เชียงราย, พะเยา และชัยนาทสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 ราย ประกอบด้วย นายสุวิจักขณ์ อชิรพัฒน์ อายุ 44 ปี ชาว จ.พะเยา, นายวีรชน ยะอู๋ อายุ 40 ปี ชาว จ.เชียงราย และ น.ส.ศิริพร แสงธรรมโชติ อายุ 30 ปี ชาว จ.เชียงราย โดยทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครอง, กระทำโดยหัวหน้า ในเครือข่ายอาชญากรรม, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน, สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป กระทำความผิดฐานฟอกเงิน” ส่วนนายสุวิจักขณ์ ถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหา “ครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย, ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์, ยาบ้า หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และยักยอกทรัพย์ รวมถึงตรวจยึดทรัพย์สิน เงินสด 985,000 บาท, อายัดเงินในบัญชีธนาคาร 16,715,700 บาท, ทองคำน้ำหนัก 22 บาท, ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 8 หลัง, ที่ดินเปล่า 2 แปลง, รถยนต์ 16 คัน, รถจักรยานยนต์ 5 คัน และรถแทรกเตอร์ 1 คัน รวมมูลค่าประมาณ 63 ล้านบาท

พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวเสริมว่า ในห้วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม บช.ปส.ยังได้จับกุมเครือข่ายยาเสพติดในภาคเหนือได้อีกจำนวน 3 เครือข่าย ได้แก่ เครือข่ายม้งแม่เปา พร้อมผู้ต้องหา 3 ราย ยาบ้า 8,800,000 เม็ด และเคตามีน 50 กิโลกรัม โดยจับกุมได้ที่บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้านดอยศิริ ถนนหลวงหมายเลข 1063 ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา, เครือข่ายฝิ่นดิบมูเซอ พร้อมผู้ต้องหา 3 ราย ฝิ่นดิบ 48 กิโลกรัม โดยจับกุมได้ที่บริเวณสวนป่าบ้านกิ่วลม อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา และเครือข่ายอาข่าผาขาว พร้อมผู้ต้องหา 2 ราย ยาบ้า 1,010,000 เม็ด โดยจับกุมได้ที่ ริมถนนพหลโยธินปากซอย 2 บ้านสันกอง ม.7 ต.แม่ไร่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผบช.ปส.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา บช.ปส.ได้ตรวจยึดยาบ้า 5,690,000 เม็ด, เคตามีน 10 กิโลกรัม, รถยนต์กระบะ ยี่ห้อเซฟโรเลต สีดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียนหน้า ผต 6676 สุราษฎร์ธานี และโทรศัพท์ 2 เครื่อง ได้บริเวณริมถนนทางหลวง หมายเลข 21 เขตพื้นที่หมู่บ้านปางคอม ต.โป่ง อ.ด่านซ้าย จ.เลย เป็นการสืบสวนขยายผลจากการจับกุมกลุ่มม้งชาว จ.เพชรบูรณ์ พร้อมยาบ้า 6,000,000 เม็ด ที่บริเวณลานจอดรถตลาดไท อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา โดยบุคคลที่ขนลำเลียงยาบ้าดังกล่าวได้หลบหนีไป จากนี้เจ้าหน้าที่จะสืบสวนติดตามจับกุมมาดำเนินคดีในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อการค้า” และทำลายเครือข่ายยาเสพติดทั้งหมดต่อไป.