อุดรธานี-แก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรหลอกบัณฑิตสาววัย 24 ปี สูญเงิน 580,000 บาท แฉคนร้ายแต่งตำรวจวิดีโอคอล สร้างความน่าเชื่อถือกล่าวหาพัวพันฟอกเงินยาเสพติด เหยื่อเชื่อสนิทใจหลงโอนเงินให้ตรวจสอบ ข้องใจคนร้ายรู้ได้ไงมีเงินประกัน 7 แสนโอนเข้าบัญชี รู้ถึงขนาดจะไปสอบข้าราชการครู ขู่ถ้ามีคดีขึ้นมาก็หมดอนาคตไปเลย

น.ส.สวย (นามสมมติ) อายุ 50 ปี น.ส เอิร์น (นามสมมติ) อายุ 24 ปี แม่และลูกสาว ชาวตำบลบ้านเลื่อม อ.เมือง จ.อุดรธานี มาพบผู้สื่อข่าว เพื่อฝากเรื่องราวไว้เป็นอุทาหรณ์ หลังโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์แต่งกายเป็นตำรวจ หลอกให้โอนเงิน 580,000 บาท พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยจับคนร้ายที่ก่อเหตุให้ด้วย เหตุเกิดวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

น.ส.เอิร์น เล่าว่า ตนเพิ่งเรียนจบครุศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.ร้อยเอ็ด กำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบบรรจุข้าราชการครู ต่อมามีโทรศัพท์จากผู้หญิง อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร แจ้งว่าตนใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าในห้างแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี และไม่ชำระยอด 50,900 บาท ที่ห้างแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี ตนก็ปฏิเสธว่าไม่เคยมีบัตรเครดิต และไม่เคยใช้บัตรเครดิต แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารบอกว่า น่าจะมีคนอื่นเอาบัตรประชาชนของตนไปเปิดบัตรเครดิต จากนั้นก็บอกตนว่าจะโทรไปหาตำรวจ สภ.เมืองชลบุรี

น.ส.เอิร์น เล่าต่อว่า ไม่นานก็มีชายแต่งเครื่องแบบตำรวจวิดีโอคอลมาหาตน แนะนำตัวว่าชื่อ สมพงษ์ จันทร์ภูมา เห็นใบหน้าและมีเสียงวิทยุแต่ไม่เห็นบรรยากาศรอบๆ จากนั้นก็ให้คำปรึกษา แล้วให้ลงบันทึกประจำวันไว้ ซึ่งตำรวจมีหมายเลขบัตรประชาชนของตนอยู่แล้ว และนำไปตรวจสอบ พร้อมกับแจ้งว่า ตนมีส่วนพัวพันการฟอกเงินยาเสพติด โดยเขาหาว่าตนเปิดบัญชีเองที่ จ.ชลบุรี จากนั้นก็ให้ตนคุยกับตำรวจ สารวัตรเจ้าของคดี อ้างชื่อว่า รองฯวิรุต สาระสิทธิ์ บอกว่าเป็นคดีใหญ่ จากนั้นก็สอบปากคำตน และให้ตนรับสารภาพ

น.ส.เอิร์น เล่าต่อไปว่า สารวัตรถามตนว่า มีเงิน 7 แสนบาทโอนเข้าบัญชีตนใช่หรือไม่ ซึ่งก็ตรงกับจำนวนเงินที่โอนเข้าบัญชีตน เพราะตนเป็นผู้รับสินไหมจากการทำประกันอุบัติเหตุให้ญาติ ซึ่งญาติเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต มีเงินโอนเข้าบัญชี 7.4 แสนบาท

สารวัตรบอกอีกว่า กลุ่มคนร้ายที่พัวพันยาเสพติดได้ถูกจับแล้ว และสารภาพว่าตนไปขายบัญชีธนาคารให้กลุ่มดังกล่าว และได้โอนเงิน 7 แสนบาทเข้าบัญชีตน ซึ่งตนรู้สึกตกใจ เพราะยอดเงินทำไมตรงกัน ตำรวจให้ตนโอนเงินไปให้ ปปง.ตรวจสอบ ถ้าตนไม่ยอมโอนตำรวจก็จะอายัดบัญชี จะใช้ไม่ได้เป็นเวลา 3 ปี และจะดำเนินคดีข้อหาฟอกเงิน จับตนไปขังไว้ที่ จ.ชลบุรี

น.ส.เอิร์น เล่าอีกว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในคราบตำรวจยังขู่ตนอีกว่า ห้ามนำเรื่องนี้ไปปรึกษาใคร เพราะจะโดนคดีไปด้วย หลังจากโดนขู่ ก็คิดแล้วคิดอีกและยังไม่โอนเงิน แถมยังถามอีกว่า จะไปสอบข้าราชการครูไม่ใช่เหรอ ถ้ามีคดีขึ้นมาก็หมดอนาคตไปเลย

“ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ารู้ได้อย่างไรว่าจะไปสอบครู เลยบอกไปว่าจะไปแจ้งความโรงพักในท้องที่ภูมิลำเนาที่ตนอยู่ ก็ขู่มาอีกว่าคดีนี้เป็นคดีใหญ่ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ถูกจับก็มีแต่ทหารยศใหญ่ ถ้าไปแจ้งความแล้วจะไม่ปลอดภัย คนที่ยังไม่ถูกจับกุมก็จะมาทำร้าย”

น.ส.เอิร์น เล่าต่อว่า สาเหตุที่โอนเงินไป เพราะไม่มีทางเลือก เพราะถูกกดดันและโดนขู่ พร้อมกับส่งหมายศาลมาทางไลน์ จึงตัดสินใจโอนเงินไปชื่อบัญชีธนาคารออมสิน ชื่อเจ้าของบัญชีนายสันติภาพ บุญธิมา โดยให้แบ่งโอน 2 ครั้ง โอนครั้งแรก 440,000 บาท ครั้งที่สอง 140,111 บาท รวมเป็นเงินที่โอนไป 580,111 บาท โดยจะตรวจสอบ 2 วัน แล้วจะโอนเงินคืน

หลังโอนเงินไปแล้ว ตำรวจคนดังกล่าวยังวิดีโอคอล พูดคุยให้ความเชื่อถือ ไม่นานตำรวจก็บอกว่าจะไปประชุมแล้วก็วางสาย พอตนโทรกลับไปก็ไม่รับสาย ตนจึงรู้ว่าถูกหลอกแน่นอน จึงไปบอกแม่และมาแจ้งความที่ สภ.เมืองอุดรธานี ซึ่งเงินจำนวนนี้ ตนวางแผนไว้ว่าจะนำไปสร้างบ้าน แต่ก็มาถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกไป และอยากจะเตือนภัยว่า อย่าเชื่อใจใคร ให้ไปปรึกษาคนในครอบครัวก่อน แล้วมาแจ้งตำรวจ

ทางด้าน น.ส.สวย แม่ น.ส.เอิร์น เปิดเผยว่า ได้ทำประกันชีวิตให้ญาติ เมื่อ 1 เดือนก่อนญาติได้เสียชีวิต จึงได้โอนเงินสินไหมให้ลูกสาวและลูกชายคนละ 7.4 แสนบาท พอรู้ว่าลูกสาวถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก ก็รู้สึกเสียใจกว่าจะได้เงินมา ลูกไม่ดูข่าวเลย พ่อและแม่ก็บอกตลอด ซึ่งตนก็เคยโดนแก๊งนี้โทรหา 3-4 ครั้ง แต่ตนดูข่าวก็รู้ ก็กดทิ้งไม่คุยด้วย

ส่วนลูกอีกคนก็โอนเงินให้ตน ซึ่งตนก็เอาไปเข้าบัญชีธนาคารไว้ และไม่ใช้แอปธนาคารทำธุรกรรมการเงินในโทรศัพท์ด้วย เงินที่โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกก็ไม่คิดว่าจะได้คืน ฝากเตือนประชาชนทั่วไป หากมีสายแปลกโทรหาก็อย่ารับ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ