นครราชสีมา –นักวิชาการอิสระโคราช ซัดรัฐบาลปลดล็อกที่ดินอุทยานแห่งชาติทับลาน เป็นการเอื้อประโยชน์ให้นายทุนและพรรคฝ่ายรัฐบาลอย่างชัดเจน คนไทยมีแต่เสีย และจะมีปัญหาตามมาอีกเพียบ แนะรัฐบาลกลับไปทบทวนใหม่
จากกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตนักการเมืองดัง ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าในวันที่ 15 ก.พ.นี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการเซ็นต์คำสั่งปรับแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน จ.ปราจีนบุรี และนครราชสีมา เพื่อกันพื้นที่ให้รีสอร์ตและบ้านพักตากอากาศกว่า 400 แห่ง ที่ถูกดำเนินคดีบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งเป็นการทำให้รีสอร์ตต่างๆ ที่ถูกดำเนินคดีบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลานไปแล้ว 418 คดี หลุดพ้นคดี และเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน รวมทั้งยังเป็นการหาเสียงให้กับพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลก่อนการเลือกตั้งอีกด้วย
ล่าสุด นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ นักวิชาการอิสระจังหวัดนครราชสีมา ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากเมื่อปี 2537 สมัยที่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล โดยมีนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เคยทำเรื่องนี้มาก่อนแล้ว ซึ่งขณะนี้มี นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ ก็ได้นำที่ดินทั้งหมด 486 แปลง ซึ่งเป็นที่ดิน สปก.4-01 กว่า 1 หมื่นไร่ ที่ จ.ภูเก็ต มาปลดล็อคเหมือนที่จะทำอยู่ในขณะนี้ โดยขณะนั้นก็มีพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคไม่เห็นด้วย จนทำให้รัฐบาลต้องล่ม ซึ่งเรื่องนี้เรายังไม่ได้ฟังเสียงจากผู้รับผิดชอบโดยตรง คือนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่อยู่พรรคประชาธิปัตย์ น่าจะมีประสบการณ์ดีที่สุด
รวมทั้ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ 2 คน คือ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ พรรคภูมิใจไทย และนายประภัตร โพธิสุธน พรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งต้องถามทั้ง 3 คนนี้ก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่กับแนวคิดนี้ เพราะเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง เพราะเรื่องนี้มีทั้งคนได้และคนเสีย โดยคนที่ได้ก็คือนายทุน เจ้าของโรงแรม รีสอร์ตต่างๆ ที่จะทำให้ที่ดินเหลานั้นราคาขึ้นอีกหลายเท่าตัว ส่วนคนที่เสียก็จะเป็นคนไทยทั้งประเทศ เนื่องจากการเอาพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติไปพัฒนาเป็นรีสอร์ตต่างๆ จะเป็นผลกระทบกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของเขตอุทยานแห่งชาติเป็นอย่างมาก หรือถ้าเลวร้ายมากอาจจะถึงขั้นถูกปลดออกจากการเป็นมรดกโลกก็ได้ เพราะสมัยหนึ่งอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ก็เคยเจอกับปัญหานี้มาแล้ว
ซึ่งลักษณะที่ดินนั้นมีอยู่ด้วยกัน 5 รูปแบบ ได้แก่ ที่ดินโฉนด นส.4 จ, ที่ดิน นส.3ก, ที่ดิน นส.3 ซึ่ง 3 ลักษณะนี้หากมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนมือก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่อีก 2 ลักษณะคือ ที่ดิน นส.2 และที่ดิน สปก.4-01 ห้ามซื้อขายเด็ดขาด การไปแตะต้องที่ดินเหล่านี้ มีปัญหาตามมามากมายแน่นอน เพราะที่ดินมีความจำกัดของมันอยู่ ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลต้องคิดให้รอบคอบ แม้กระทั่งเรื่องการจะออกกฎหมายให้ต่างชาติสามารถซื้อที่ดินในประเทศไทยได้ ก็ยังมีปัญหาจนรัฐบาลต้องถอยออกมาเลย ดังนั้นเรื่องนี้ก็ต้องนำเรื่องนั้นมาเป็นบทเรียนด้วย
ทั้งนี้มองว่าความไม่เหมาะสมที่จะทำเรื่องนี้มีอยู่ 3 ประการ คือ 1.ช่วงนี้ใกล้จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้สังคมส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลพยายามจะทำเรื่องนี้เพื่อหาเสียงหรือไม่ รัฐบาลอาจจะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจหนักขึ้นก็ได้ 2.ที่ดินมีความจำกัด โดยเฉพาะที่ดินเขตอุทยานแห่งชาติในประเทศไทย มีอยู่เท่านี้ มันไม่สามารถงอกออกมาใหม่ได้ ถ้าเราไม่เคารพในข้อกฎหมายเกี่ยวกับเขตอุทยานแห่งชาติ ตนว่าจะทำให้มีปัญหาตามมาอีกมากมายในอนาคต 3.รัฐบาลเคยมีบทเรียนมาแล้ว โดยเฉพาะรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ดูแลเรื่องนี้อยู่
ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ต้องออกโรงมาชี้แจงหน่อย ว่าเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือไม่ เพราะจู่ๆ การออกมาบอกว่าจะปลดล็อค 400 รีสอร์ตออกจากอุทยานแห่งชาติ ฟังแล้วอาจจะดูดี แต่ที่ผ่านมาในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว มีปัญหาการบุกรุกที่ดินเขตอุทยานแห่งชาติมาโดยตลอด บางทีถึงขนาดไปไล่รื้อรีสอร์ตแล้วหลายแห่ง แล้วถ้าเจ้าของรีสอร์ตที่เขาถูกไล่รื้อไปแล้ว ลุกฮือออกมาเรียกร้องค่าเสียหายย้อนหลัง จะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งมันจะไม่จบแค่นี้ เพราะไปขัดกับหลักการของลักษณะที่ดิน 5 ประเภทดังกล่าว ถ้าเราไม่เคารพกฎกติกาที่ถูกต้องตั้งแต่เนินๆ ตนเชื่อว่าจะมีปัญหาตามมามากมายในภายหลังแน่นอน.