กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน เป็นปลื้มหลังคิกออฟงานมหกรรมแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อินทรีย์และธรรมชาติ “ORGANIC WEEKEND MARKET Season 2” ตลาดนัดอินทรีย์ใจกลางเมือง ครั้งที่สอง ผลการจัดงาน 2 สัปดาห์แรกดีเกินคาด เจรจาสำเร็จแล้วด้วยมูลค่ากว่า 165.75 ล้านบาท พร้อมลุยต่อสัปดาห์สามและสี่ โดยมีภาคเอกชนหลายรายขานรับเข้าร่วมเจรจาซื้อขายบิ๊กล็อตกับกลุ่มเกษตรกร พร้อมชวนสายเฮลตี้เข้าชมเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคในโซน Green House

นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงความสำเร็จของการจัดงานตลาดนัดอินทรีย์ใจกลางเมือง หรือ “ORGANIC WEEKEND MARKET Season 2” ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มุ่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์และอาหารปลอดภัย ตลอดจนให้ประชาชนมีโอกาสเลือกบริโภคสินค้าอินทรีย์ที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม
โดยใน 2 สัปดาห์แรก เมื่อวันที่ 20-22 และ 27-29 มกราคม 2566 ที่ผ่านมาว่า ได้รับการตอบรับเข้าชมงานจากทั้งผู้สนใจและหน่วยงาน องค์กร เอกชนหลายแห่ง โดยบิ๊กล็อตได้มาจากผู้ประกอบการรายใหญ่ที่พร้อมสนับสนุนสินค้าอินทรีย์เพื่อช่วยเหลือชุมชน และยังสนใจจะต่อยอดการค้ากับชุมชนรวมถึงผู้ประกอบการเพื่อช่วยกระจายสินค้าไปตามสาขาที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยทางกรมการค้าภายในจะเปิดตลาดนัดอินทรีย์ใจกลางเมืองต่อเนื่องสัปดาห์ที่สามและสี่ ระหว่างวันที่ 3-5 และ 10-12 กุมภาพันธ์ 2566 นี้

นอกจากการจับจ่ายพืชผักผลไม้สดออร์แกนิคภายในงาน และการขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรอินทรีย์แล้ว ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้เติบโตเพิ่มขึ้น ด้วยการจับคู่เจรจาธุรกิจของผู้ประกอบการกับกลุ่มเกษตรกร การจัดงาน 2 สัปดาห์แรกที่ผ่านมามีภาคเอกชนรายใหญ่เข้าร่วมเจรจาธุรกิจการค้าแล้วหลายราย อาทิ Siam Caza/Caza Association ผู้จัดหาสินค้าส่งออกตลาดจีนที่มีเครือข่ายหน่วยงานรัฐบาลจีน, Bangkok Instrument ผู้คัดสรรสินค้าจัดจำหน่ายในห้างโมเดิร์นเทรดของไทย, รักษาเวลเนส ศูนย์สุขภาพที่ร่วมมือกับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์, Go Organic คัดสรรสินค้าออร์แกนิคให้กับโรงแรม ร้านอาหาร ในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่, บ้านเกษตรอินทรีย์ จำหน่ายสินค้าออร์แกนิค และรับจัด coffee break ให้หน่วยงานราชการ เช่น สปสช. กกต. และ GISTDA เป็นต้น โดยมีมูลค่าการค้าที่คาดการ์ณเกิดขึ้นภายใน 1 ปี จำนวน 165.75 ล้านบาท และสินค้าที่ได้รับความสนใจสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป ผักผลไม้สด ผลิตภัณฑ์ สกินแคร์ออร์แกนิค ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์สปา

ด้านนายเจริญ แก้วสุกใส ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ปรึกษาอาวุโส คณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีแรม จำกัด กล่าวว่า “ควรจัดงานลักษณะนี้ในทุกพื้นที่เพราะผู้ประกอบการรายย่อยที่จะมาร่วมงานได้นั้น ก็จะมีแต่กลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เพราะเดินทางสะดวก ซึ่งหากจัดงานได้ทุกจังหวัดจะทำให้เกษตรกรผู้ประกอบการรายย่อยในพื้นที่สามารถระบายผลผลิตได้ อีกทั้งสินค้าที่นำมาจำหน่ายยังมีราคาไม่สูงมากนัก และหากเป็นจังหวัดที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวยังจะสามารถจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวได้อีกด้วย”

ไฮไลท์ของงาน ORGANIC WEEKEND MARKET Season 2 สัปดาห์ที่สามและสี่นี้ ยังคงเป็นการจำหน่ายผักผลไม้อินทรีย์/ปลอดภัย และสินค้าชุมชนที่คัดสรรคุณภาพจากเกษตรกรและภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ รวมถึงสินค้าจากหมู่บ้านอินทรีย์และ Organic Farm Outlet รวมกว่า 100 ร้านค้า โดยมีสินค้าไฮไลท์หลายรายการ อาทิ น้ำนมข้าวยาคู น้ำส้มมะปี๊ด น้ำเต้าหู้ผง ผักโขมอบกรอบ กล้วยชิปส์ กุ้งหวาน น้ำผึ้งชันโรง สบู่ฟ้าทะลายโจร ฯลฯ และภายในงานยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจหลายรายการ เช่น การเจรจาธุรกิจ กิจกรรมชิมช้อปแชะในสวนกลางเมือง บริการตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กิจกรรม Workshop ที่น่าสนใจหลายโปรแกรมด้วยกัน อาทิ ทำชาหมักคอมบูชา กิมจิโฮมเมด ก้านไม้หอมสูตรธรรมชาติ จัดสวนถาดรักษ์โลก เทียนหอมออร์แกนิค การแสดงโชว์จากกลุ่มเยาวชน และไฮไลท์สำคัญที่พลาดไม่ได้ คือสลัดบาร์ ที่มีผักสดกว่า 30 ชนิด และน้ำสลัดนานาชาติกว่า 30 สูตรทั่วโลก พร้อมร่วมลุ้นรับรางวัลจากการเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 800 รางวัล

งาน ORGANIC WEEKEND MARKET Season 2 กำหนดจัดขึ้นในวันสุดสัปดาห์ศุกร์-อาทิตย์ โดยสัปดาห์ที่สามจะมีขึ้นในวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ และสัปดาห์สุดท้ายในวันที่ 10-12 กุมภาพันธ์ 2566 ระหว่างเวลา 17.00-23.00 น. ณ G Garden (หลังอาคารห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพระราม 9) ภายในงานพบกับสินค้าเกษตรอินทรีย์/สินค้าปลอดภัย/สินค้าจากชุมชน Farm outlet รวมถึงผลิตภัณฑ์จากหมู่บ้านอินทรีย์และ Organic Farm Outlet จากทั่วประเทศกว่า 2,000 รายการ จากเกษตรกรผู้ประกอบการกว่า 100 ร้านค้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กกรมการค้าภายใน DitFamilyHomes หรือโทร. 02 507 5722-3