เว็บไซต์ อัลจาซีรา รายงาน ผลศึกษาใหม่ของทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องธารน้ำแข็ง แสดงให้เห็นว่า แกนน้ำแข็งของกรีนแลนด์ ดินแดนทางเหนือสุดของโลก ในมหาสมุทรอาร์กติก กำลังมีอุณหภูมิร้อนที่สุดในรอบ 1,000 ปี ซึ่งถือเป็น ‘ลายเซ็นชัดเจน’ ของภาวะโลกร้อนอันเนื่องมาจากน้ำมือมนุษย์

ผลศึกษาใหม่โดยการเก็บตัวอย่างจากแผ่นน้ำแข็งและธารน้ำแข็งที่อยู่ในระดับลึกของกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ประมาณ 2.17 ล้านตารางกิโลเมตร ถูกนำมาตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ ‘เนเจอร์’ (Nature) เมื่อวันพุธที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา พบว่าอุณหภูมิของแกนน้ำแข็งที่กรีนแลนด์ สูงขึ้นถึง 1.5 องศาเซลเซียส จากค่าเฉลี่ยในศตวรรษที่ 20 นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995

เดือนพฤศจิกายน 2565 มีรายงานของสหประชาชาติออกมาว่าธารน้ำแข็งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดบนโลกจำนวนมาก อาจหายไปในปี 2050 ขณะโลกกำลังอุ่นขึ้น โดยจากการติดตามของนักวิทยาศาสตร์ของสหประชาชาติถึงสถานการณ์ของธารน้ำแข็งกว่า 18,600 แห่งในแหล่งมรดกโลก 50 แห่ง คาดว่า ประมาณ 1 ใน 3 ของธารน้ำแข็งเหล่านี้ จะหายไปในกลางศตวรรษนี้ ขณะที่ผลการศึกษาอีกชิ้นหนึ่งคาดว่า 2 ใน 3 ของธารน้ำแข็งทั่วโลกจะหายไปในปี 2100 ซึ่งการละลายของธารน้ำแข็งที่กรีนแลนด์ย่อมส่งผลให้ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น

จากรายงานระบุว่า แกนน้ำแข็งที่กรีนแลนด์ สามารถเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิระยะยาว ซึ่งต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ โดยข้อมูลจากแกนน้ำแข็งที่กรีนแลนด์ได้มีการวิเคราะห์ครั้งล่าสุด เมื่อปี 1995 อีกทั้ง ก่อนหน้านี้ มีการชี้ว่า อุณหภูมิของกรีนแลนด์จะไม่อุ่นเร็วเท่ากับบริเวณอื่นๆ ของมหาสมุทรอาร์กติก

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาแกนน้ำแข็งที่กรีนแลนด์ครั้งใหม่ ซึ่งดำเนินการในปี 2011 แสดงให้เห็นว่าแกนน้ำแข็งมีอุณหภูมิสูงขึ้นมากในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่นักวิยาศาสตร์ได้นำแกนน้ำแข็งมาสร้างชาร์ต-แผนภูมิอุณหภูมิเฉลี่ยที่กรีนแลนด์ ในช่วงระยะ 1,000 ปี นับจากปี ค.ศ. 1000 จนถึงปี 2011.