
น.ส.พิชญ์นรี ตันติวิทย์ หรือ “เม พรีมายา” พร้อมทนายความส่วนตัวเดินทางมาที่ บช.สอท. อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เข้าพบ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.สอท.2 เพื่อมอบตัวตามหมายจับ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวไปสอบปากคำ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหากรณีชักชวนลงทุน 6 พันบาท ได้กำไร 15 ล้านภายใน 3 เดือน
น.ส.พิชญ์นรี กล่าวว่า เข้ามอบตัวตามหมายจับเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ตนเป็นคนทำงานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้เรียนรู้และปรับปรุงพัฒนามาโดยตลอดจนทำให้มีวันนี้ และวันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อผิดพลาดที่ตนพร้อมจะแก้ไข และทำไปตามกระบวนการของกฎหมาย ข้อผิดพลาดที่ว่าบางอย่าง เด็กคนหนึ่งที่เติบโต มาก็ทำงานไปเรื่อยๆอาจไม่รู้ว่าบางอย่างมีการผิดข้อตกลงหรือผิดกติกาอย่างไร ต้องเรียนรู้กันไป เช่นเรื่องบางเรื่องตนไม่ทราบจริงๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วตนเป็นคนทำงาน ที่มีความบริสุทธิ์ใจและไม่ได้มีเจตนาในการทุจริต
“กรณีที่เกิดขึ้นในเรื่องของการโพสต์ข้อความลงทุน 6,000 บาท แล้วได้ผลตอบแทนนั้น จริงๆแล้วไม่ใช่คำชวนเชื่อหรือคำโฆษณาใดๆ ในส่วนนี้ได้ให้ถ้อยคำกับตำรวจไปเบื้องต้นแล้ว ตัวของธุรกิจไม่ได้สร้างเรื่องหลอกลวงหรือชวนเชื่อ อยากขอให้รอไปตามขั้นตอนของกระบวนการ วันหนึ่งทุกอย่างจะประจักษ์ขึ้นจะได้คำตอบเอง” น.ส.พิชญ์นรีกล่าว
น.ส.พิชญ์นรี กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าไม่มีใครร่วมสร้างเรื่องราวใดๆ รวมถึงตัวของน้องนิ่ม ทุกอย่างเกิดจากมูลความจริงที่ตนได้เข้าใจและสื่อสารออกไป ขอยังไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้ ยืนยันว่าไม่มีธุรกิจที่ผิดกฎหมายนำเงินมาให้เราร่วมลงทุน ในส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าผลกำไรนั้นอาจจะไม่ตรงตามข้อเท็จจริง ในส่วนนี้ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการ แต่ด้วยความที่ตนอยู่หน้าบ้านเลยไม่รู้รายละเอียดอะไรมากและพูดอะไรได้อย่างกระจ่าง ตนเป็นคนทำงานคนหนึ่ง เรื่องบางเรื่องอาจจะตอบในรายละเอียดไม่ได้ทั้งหมด แต่ขอยืนยันว่าไม่เคยมีคำว่าหลอกลวงประชาชนในการทำงาน ตลอดระยะเวลา 7 ปี ตนสู้ชีวิตหนักมาก มีแต่สร้างสิ่งดีๆและคืนสู่สังคมด้วยซ้ำ
ในส่วนของ น.ส.มณีนุช เทียนสว่าง อายุ 27 ปี น้องสาวของ น.ส.พิชญ์นรี ที่ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีนี้อีกรายในความผิดเดียวกัน ได้ถูกตำรวจ สตม. จับกุมตัวได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อคืนวันที่ 18 ม.ค. ขณะเตรียมขึ้นเครื่องเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ ควบคุมตัวไปดำเนินคดีแล้ว
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจากมีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์ ประกอบกับตำรวจไซเบอร์ได้รับนโยบายให้ดำเนินการตรวจสอบเพจเฟซบุ๊กที่ชักชวนลงทุนเกินความเป็นจริง จนได้ไปพบว่า “พรีมายา” เข้าข่ายกรณีดังกล่าว ตำรวจได้ตรวจสอบและหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม จนสามารถขอศาลอนุมัติออกหมายจับได้ และต่อมาพบว่าญาติของ น.ส.พิชญ์นรี ตันติวิทย์ หรือเม พรีมายา เจ้าของแบรนด์และหนึ่งในผู้ที่ถูกออกหมายจับ กำลังจะออกนอกประเทศ ได้ประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. สกัดจับและตำรวจไซเบอร์เข้าจับกุมผู้ต้องหาที่เหลืออย่างเร่งด่วน แม้จะยังไม่มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ แต่เป็นการปฏิบัติการก่อนจะเกิดความเสียหาย
พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวต่อว่า พฤติการณ์เป็นการโพสต์เชิญชวนลงทุนจำนวนเงิน 6,000 บาท และจะได้กำไร 15 ล้านบาท ภายใน 3 เดือน ตำรวจไซเบอร์ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสิ้น 11 หมาย จับกุมได้แล้ว 4 คน ส่วนที่เหลือจะเร่งจับกุมให้ครบภายในสัปดาห์นี้ หนึ่งในนี้มีหน้าม้าที่เป็นต้นโพสต์เชิญชวนมาลงทุนจนทำให้แบรนด์พรีมายาโด่งดัง ตำรวจจะต้องหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ได้อายัดเครื่องคอมพิวเตอร์และบัญชีธนาคารมาตรวจสอบว่าเป็นการหลอกลงทุนเกินจริงหรือไม่ ขณะที่รายงานการเสียภาษีก็ไม่ได้สอดคล้องกับผลกำไรที่โฆษณา
“เบื้องต้นแจ้งข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ไว้ก่อน ส่วนข้อหาอื่นอยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมว่าลงทุนได้กำไรตามคำโฆษณาจริงหรือไม่ เป็นการลงทุนในลักษณะหลอกลวงหรือไม่ ขณะที่แฟนหนุ่มของ น.ส.พิชญ์นรีไม่ได้ถูกออกหมายจับด้วย เพราะไม่ใช่ผู้โพสต์ชักชวนลงทุน หลังจากนี้ตำรวจไซเบอร์ยังจะขยายผลตรวจสอบเพจเฟซบุ๊กต่างๆที่ชักชวนลงทุนอื่นๆที่มีลักษณะชวนลงทุนเกินจริงเพิ่มเติมต่อไป” ผบช.สอท.กล่าว
กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เส้นทางการเงินของพรีมายาเชื่อมโยงกับดารานักแสดงกลุ่มหนึ่งด้วยนั้น พล.ต.ท.วรวัฒน์กล่าวว่า ตำรวจไซเบอร์ขอดูพยานหลักฐานเพิ่มเติมก่อน ส่วนกรณีที่มีการแชร์เรื่องจะมอบเงินรางวัลนำจับ 5 แสนบาท ให้ผู้แจ้งเบาะแสจับ “เม พรีมายา” นั้น ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ตั้งรางวัลนำจับดังกล่าว แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นเฟกนิวส์ ส่วนเรื่องการจะให้ประกันตัวในชั้นสอบสวนหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาก่อนว่าผู้ต้องหาให้ความร่วมมือในการสอบสวนหรือไม่และหากให้ประกันตัวไปแล้วจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่ เจ้าหน้าที่จะใช้ดุลพินิจอย่างละเอียดรอบคอบอีกครั้ง