บุรีรัมย์-นักเรียนหญิง ม.2 วัย 14 ปี ตัดสินใจกระโดดน้ำฆ่าตัวตายประชดชีวิตหลังโพสต์เฟซบุ๊กระบายความทุกข์ระทม ถูกเพื่อนในชั้นเรียน “บูลลี่” เรื่องพ่อแม่แยกทางกัน โดนกระทำมาตั้งแต่อยู่ประถม แถมเคยถูกล่วงละเมิดทำอนาจารในโรงเรียน แต่ไม่มีใครช่วยเหลือ เผยความจริงยิ่งเจ็บปวด เด็กเคยจ้างชาวบ้านให้ช่วยไปแสดงเป็นแม่ในกิจกรรมวันแม่ เพราะอายเพื่อนที่ต้องกราบเก้าอี้เปล่า ตายายรู้ข่าวหลานรักจากไปไม่มีวันกลับ กอดกันร่ำไห้ระงม

สังคมไทยต้องตื่นตัว ยุติการ “บูลลี่” ทุกรูปแบบ หลังเกิดเรื่องราวสุดสะเทือนใจ เด็กหญิงวัย 14 ปี คิดสั้นฆ่าตัวตายเพราะถูกเพื่อนล้อเลียนจนกลายเป็นปมด้อยในจิตใจและท้อถอยจนสู้ชีวิตต่อไปไม่ไหว เปิดเผยเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากบ้านเลขที่ 213 บ้านหนองเก้าข่า หมู่ 3 ต.เมืองแฝก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ สถานที่ตั้งศพของ น.ส.ญานิษา หรือน้องมิว ตุ้มเพชร อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงสระน้ำสาธารณะภายในหมู่บ้าน หลังน้องมิวโพสต์ลาตายก่อนจะฆ่าตัวตายเพียง 1 วัน สาเหตุการฆ่าตัวตายมาจากการถูกล้อเลียนหรือ “บูลลี่” เรื่องพ่อแม่แยกทางกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีญาติ เพื่อนนักเรียน และครู รวมทั้งเพื่อนบ้าน มาช่วยกันจัดเตรียมสถานที่สวดพระอภิธรรมศพ

ก่อนหน้านี้ร.ต.อ.ไชยรัตน์ วงศ์ศรี รอง สว. (สอบสวน) สภ. ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 12 ม.ค. มีคนจมน้ำเสียชีวิต ประสานหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมจุดเมืองแฝกเข้าร่วมตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นสระน้ำสาธารณะประจำหมู่บ้าน เนื้อที่กว่า 40 ไร่ มีความลึกประมาณ 4 เมตร พบศพ ด.ญ.ญานิษา หรือน้องมิว ตุ้มเพชร อายุ 14 ปี ชาวบ้านนำร่างขึ้นจากสระน้ำมาไว้บนตลิ่งแล้วตรวจสอบตามร่างกายไม่พบร่องรอยหรือบาดแผลการถูกทำร้าย คาดเสียชีวิตมาประมาณ 7-8 ชั่วโมง

นายสุบัน คำเสมอ อายุ 58 ปี ผู้พบศพคนแรก เล่าว่า หลังจากผู้ใหญ่บ้านประกาศว่ามีคนหาย ให้ชาวบ้านช่วยแจ้งเบาะแส ช่วงเย็นออกเดินเลาะตามสระน้ำอยู่ใกล้กับวัดในหมู่บ้าน เห็นรองเท้านักเรียนเปื้อนโคลนอยู่ริมสระ มองไปในสระเห็นเสื้อลอยเหนือน้ำ รีบกระโดดลงไปช่วย แต่พบว่าเสียชีวิตแล้ว รีบแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ

ด้านนางล้อม แต้มสี อายุ 65 ปี ยายน้องมิว เล่าทั้งน้ำตาว่า พ่อกับแม่ของหลานแยกทางกันเมื่อ 5 ปีก่อน ต่างคนต่างไปมีครอบครัวใหม่ ทิ้งหลานสาวไว้ให้เลี้ยง 2 คน อายุ 14 ปี และ 12 ปี น้องมิว ผู้เสียชีวิตเป็นคนโต ตนกับสามีเลี้ยงหลานมาตั้งแต่น้องมิวอายุ 8 ขวบ ระยะหลังหลานมาพูดตัดพ้อเป็นประจำว่า “ถ้าหนูตายยายจะอยู่ได้ไหม” บางครั้งมาบอกว่า “หนูอยากตาย” อยากย้ายโรงเรียน ตนจำเป็นต้องวิ่งหาที่เรียนใหม่ให้หลาน แต่ไม่ทราบสาเหตุที่หลานมีอาการแบบนี้ สุดท้ายไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หมอระบุว่าหลานป่วยซึมเศร้า

ยายของน้องมิว เล่าต่อไปว่า กระทั่งมาทราบจากเพื่อนว่าหลานได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “แหะ มาเล่าประสบการณ์จากชีวิตจริงให้ฟังค่ะ ตอนประถมเราโดนล้อเรื่องพ่อแม่แยกทางกัน โดนรุมทำอนาจาร ทุกวันนี้คนที่ทำยังล้อเราอยู่เลย เขาดูมีความสุขมากที่ทำแบบนั้น เราผิดมากเลยใช่มั้ย วันนั้นเพื่อนเราอยู่ใกล้เราค่อนข้างเยอะ แต่แปลกที่ไม่มีใครช่วยเราเลย เรื่องพ่อแม่แยกทางกันมันรู้สึกแย่ตรงที่เราโดนเอามาล้อ โพสต์นี้เราอยากระบายมาก” และก่อนหน้านี้ 1 วัน หลานไปกระโดดน้ำที่สระน้ำเกิดเหตุ แต่มีคนเห็นช่วยไว้ได้ทัน มาวันนี้หลานหายไปตั้งแต่เช้า พยายามตามหาและแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้ช่วย สุดท้ายหลานเสียชีวิตจนได้

ขณะที่ ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 12 ปี น้องสาวผู้ตาย เล่าว่า สาเหตุคาดว่าพี่สาวถูกบูลลี่เป็นประจำเรื่องพ่อแม่แยกทางกัน แม้แต่ตนยังเคยโดนล้อเลียนเรื่องนี้ด้วย แต่ทนได้ ไม่คิดว่าพี่สาวจะคิดสั้นแบบนี้ รู้สึกเสียใจมากเพราะสนิทกับพี่สาวมาก มีเรื่อง อะไรจะพูดคุยกับพี่สาวตลอด แต่จากนี้ไปยังไม่รู้ว่าจะไปปรึกษาใคร

จากการสอบถามทราบว่า ขณะนี้แม่ของน้องมิวที่ทำงานรับจ้างอยู่กรุงเทพฯ ได้ทราบข่าวร้ายที่เกิดขึ้นกับบุตรสาวคนโตแล้ว อยู่ระหว่างเดินทางกลับมา ร่วมงานศพลูก ขณะที่ตายายของเด็ก รวมทั้ง ด.ญ.บี น้องสาวของผู้ตาย ทุกคนต่างอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ กอดกันร่ำไห้เป็นที่น่าเวทนา

ผู้สื่อข่าวสอบถามนางสาวมยุรี แซ่ซึง อายุ 48 ปี อสม.หมู่ 3 ต.เมืองแฝก เล่าว่า เท่าที่เห็น น้องมิวเป็นเด็กดี ร่าเริง เล่นกีฬากับเพื่อนตามปกติ แต่มีบางมุมที่เด็กนักเรียนเล่าต่อกันมาว่าน้องมีปัญหา เท่าที่จำได้จากเพื่อนน้องมาเล่าให้ฟัง น้องเคยไปจ้างคนมาเป็นแม่ในงานกิจกรรมวันแม่ ตอนที่น้องอยู่โรงเรียนอื่นก่อนหน้านี้ สาเหตุมาจากพ่อแม่ของน้องแยกทางกัน กลายมาเป็นปมด้อยของน้อง รวมถึงน้องเคยถูกอนาจารตอนเรียนอยู่โรงเรียนที่ในตัวเมืองบุรีรัมย์ด้วย น่าจะเป็นความรู้สึกสะสมหลายครั้งจนทำให้คิดสั้นดังกล่าว

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่โรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม ปรากฏว่า โรงเรียนปิดเงียบ เพราะเป็นช่วงที่นักเรียนไปศึกษาดูงานต่างจังหวัด รวมถึงผู้อำนวยการโรงเรียนที่เดินทางไปร่วมการศึกษาดูงานด้วย ขณะที่ นายกฤษ ละมูลมอญ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังทราบข่าว ได้ประสานไปยัง ผอ.โรงเรียนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ได้รับข้อมูลเบื้องต้นจาก ผอ.โรงเรียนว่า น้องมิวเพิ่งย้ายจากโรงเรียนที่ จ.ขอนแก่น เข้ามาเรียนต่อที่นี่เมื่อประมาณเดือนเศษ ตอนนี้ยังไม่ทราบมูลเหตุที่ชัดเจน หลังจากนี้จะได้ตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบหาข้อเท็จจริง หากเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นจริงตามข้อมูลที่ได้รับจะต้องวางแผนและแก้ไขปัญหาต่อไป โดยเฉพาะ น้องสาวของน้องมิวที่ตามข่าวระบุว่าโดนล้อเช่นเดียวกัน กับพี่สาวด้วย