นครปฐม-ตำรวจรวบหนุ่มมังกรจีนเสี่ยเจ้าของโรงงานผลิตเครื่องสำอาง รัดคอฆ่าเมียสาวชาวไทยจัดฉากอำพรางอ้างผูกคอฆ่าตัวตาย หวังฮุบสมบัติกว่า 100 ล้านบาท ตำรวจพบพิรุธหลายอย่างทั้งเร่งรีบรับศพเมียมาที่วัดไม่เปิดโลงให้รดน้ำ ให้คนงานเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดทิ้งข้อมูลเก่าหายเกลี้ยง เหมือนจงใจทำลายหลักฐาน
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมพวกร่วมแถลงผลจับกุมนายสุชิน ไม้ชัยมงคล หรือนายจิงกวง เฉิน อายุ 48 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ 235/ 2565 ลงวันที่ 18 ก.ค.65 ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย และกระทำการใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดี
ของกลางที่ยึดมาประกอบคดี อาทิ เครื่องหนีบผม พร้อมสายไฟ 1 ชุด เซิร์ฟเวอร์บันทึกข้อมูลภาพกล้องวงจรปิด 1 เครื่อง ชุดกล้องวงจรปิดพร้อมเมมโมรีการ์ด 1 ชุด ตลับพลาสติก 1 ตลับ แฟลชไดรฟ์ 2 อัน ราวผ้าม่าน 2 ราว ส่วนตัวผู้ต้องหาถูกนำส่งฝากขังที่เรือนจำกลางนครปฐม ไม่ได้นำตัวมาแถลงข่าวด้วย เบื้องต้นให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. เวลา 20.00 น. ที่บริษัทสวยดี เซ็นเตอร์ ผลิตเครื่องสำอางส่งในประเทศและต่างประเทศ อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น 7 คูหา เลขที่ 88/111 หมู่ 8 ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม
พล.ต.ท.ธนายุตม์เผยว่า เมื่อวันที่ 14 ก.ค.เวลาประมาณ 03.00 น. นายจิงกวง เฉิน นำร่าง น.ส.ปารวี เฉิน อายุ 39 ปี ภรรยาชาวไทย ไปส่ง รพ.วิชัยเวช อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร อ้างว่าภรรยาผูกคอฆ่าตัวตายในห้องพักที่บ้านเปิดเป็นโรงงานผลิตเครื่องสำอาง คิดว่ายังไม่เสียชีวิตเลยพามาส่งโรงพยาบาล แต่แพทย์บอกว่าเสียชีวิตแล้ว แจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนมาชันสูตรศพ พร้อมประสานตำรวจ สภ.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน ท้องที่เกิดเหตุมาร่วมสอบสวน นายจิงกวง เฉิน ให้การเบื้องต้นอ้างว่า ภรรยาเสพกัญชา ดื่มสุรา กินยาลดความอ้วน ทำให้เกิดอาการหลอน เป็นสาเหตุให้ผูกคอตาย จากนั้นตำรวจนำศพส่งชันสูตรอย่างละเอียดที่นิติเวช รพ.ศิริราช
ผบช.ภ.7 เผยต่อไปว่า หลังเกิดเหตุ นางญาณนันท์ แก้วพิมล อายุ 40 ปี เพื่อนสนิทของผู้ตาย เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้ว ให้ข้อมูลว่า ผู้ตายเคยเล่าความในใจให้ฟังหลายครั้งเรื่องที่ถูกสามีทำร้ายร่างกายและข่มขู่เป็นประจำ ย้ำด้วยว่าหากเป็นอะไรไปต้องเป็นสามีที่เป็นคนทำร้ายแน่นอน ไม่เชื่อว่าจะผูกคอฆ่าตัวตายเอง ขอให้ตำรวจสอบสวนข้อเท็จจริงให้แน่ชัด หลังทราบเรื่องพนักงานสอบสวนรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ตนสั่งการให้ พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จ.นครปฐม ตั้งคณะทำงานสืบสวนคลี่คลายคดี เชิญตัวสามีผู้ตายมาสอบสวนพบว่ามีอาการพิรุธ เร่งรีบไปรับศพภรรยาจากนิติเวชมาตั้งที่วัด ไม่มีการรดน้ำศพและไม่มีผู้ใดเห็นสภาพศพ ตำรวจไปอายัดศพไว้ก่อนเพื่อรอผลชันสูตร พร้อมทั้งให้ชุดสืบสวนคอยประกบตัวนายจินกวง เฉิน เกรงว่าจะหลบหนี
ขณะเดียวกันยังสั่งการให้กองพิสูจน์หลักฐานภาค 7 ไปตรวจสอบเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ ยึดกล้องวงจรปิดและอุปกรณ์ต่างๆ มาตรวจข้อมูลอย่างละเอียด พบว่าหลังเกิดเหตุเพียงวันเดียวผู้ต้องหาให้พนักงานในโรงงานไปซื้อเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดมาเปลี่ยนใหม่ ทั้งที่ไม่มีอะไรเสีย ทำให้ไม่มีข้อมูลเก่า เหมือนจงใจทำลายหลักฐาน ประกอบกับวันเวลาในการเกิดเหตุไม่ตรงกับพยานในโรงงานหลายปาก เชื่อแน่ว่าเป็นการฆาตกรรมอำพราง ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายศาลจับกุมผู้ต้องหาเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ฐานความผิดกระทำการใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อมก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในการที่จะทำให้ผลทางคดีเปลี่ยนแปลงหรือเพื่ออำพราง ควบคุมตัวผู้ต้องหาเข้าเรือนจำกลางนครปฐม จากนั้นวันที่ 21 ก.ค. ผลการชันสูตรพลิกศพจาก รพ.ศิริราช แจ้งมายังพนักงานสอบสวนว่าสาเหตุการตายเกิดจากถูกเชือกรัดคอไม่ใช่การแขวนคอตาย พนักงานสอบสวนไปแจ้งข้อหาเพิ่มกับนายจิงกวง เฉิน ที่เรือนจำ ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย
ส่วนสาเหตุที่ลงมือสังหารภรรยา พล.ต.ท.ธนายุตม์กล่าวว่า สันนิษฐานว่าผู้ต้องหาประสงค์ต่อทรัพย์และมรดกของภรรยา เนื่องจากทั้งสองคนจดทะเบียนสมรสกัน ประกอบธุรกิจเป็นเจ้าของโรงงานผลิตเครื่องสำอางส่งออกต่างประเทศและขายในประเทศ ฐานะร่ำรวย มีเงินทองทรัพย์สินมูลค่ากว่าร้อยล้านบาท ถือเป็นระดับเศรษฐีคนหนึ่งของจังหวัดนครปฐม ตรวจสอบประวัตินายจินกวง เฉิน เมื่อหลายปีก่อนเคยถูกจับกุมคดีเป็นต่างด้าวชาวจีนหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายและปลอมแปลงเอกสารสวมบัตรประชาชน ได้รับการประกันตัวไป เมื่อศาลนัดตัดสินไม่มาฟังคำพิพากษา หลบหนีออกต่างประเทศ และใช้ชื่อปลอมกลับเข้ามาใหม่ สวมบัตรประชาชนเป็นคนไทย ทำธุรกิจโรงงานร่วมกับภรรยาชาวไทยจนมีฐานะร่ำรวย ตำรวจจะหาที่มาที่ไปของขบวนการทำบัตรประชาชนปลอมให้ผู้ต้องหา ตรวจสอบภาษีและรายได้ของโรงงานผู้ต้องหา รวมทั้งตรวจสอบว่ามีใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกหรือไม่