ขอนแก่น-คุณยายวัย 71 น้ำตาตก! ญาติฟ้องขับไล่ ฮุบที่มรดก ไร้ที่ซุกหัวนอน ลูก 5 คนไม่เหลียวแล คนที่ 6 ติดยา แต่ก็ไม่เคยทิ้งแม่ กำนันโร่ช่วยหาที่อยู่ให้

เมื่อวันที่ 7 ม.ค.66 นายฉัตรชัย โลหะมาตย์ กำนันตำบลหนองกุง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น นำฝ่ายปกครอง ต.หนองกุง ลงพื้นที่บ้าน นางเม็ง โพธิ์ศรี อายุ 71 ปี ที่บ้านเลขที่ 183 หมู่ 10 บ้านหนองกุง ต.หนองกุง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น หลังถูกน้องสาวของสามี ยื่นฟ้องศาลขับไล่ออกจากบ้านพัก โดยศาลสั่งให้ออกภายใน 7 วัน แต่ นางเม็ง ไม่มีที่จะไป ลูก 6 คนก็ไม่สามารถเลี้ยงดูแม่ได้ เพราะต่างมีครอบครัวไปหมดแล้ว และ 2 ใน 6 คนก็ติดยาเสพติด

ซึ่งทันทีที่ถึงพบว่า นางเม็ง ได้เก็บสิ่งของจำเป็น เพื่อเตรียมย้ายออกจากบ้าน ทั้งที่นอน เสื้อผ้าและข้าวสาร โดยได้เก็บรวบรวมไว้ทั้งหมดก่อนหน้านี้ นางเม็ง บอกว่าเผื่อวันไหนถูกไล่จะได้ขนย้ายได้สะดวก ในขณะที่กำนันเข้าเจรจากับน้องสาวสามีของนางเม็ง ที่มีบ้านพักอยู่ติดกัน เพื่อขอโอกาสให้ นางเม็ง อยู่ที่บ้านหลังเดิมชั่วคราว 7 วัน เพื่อหาที่อยู่ใหม่ให้ นางเม็ง แต่ญาติแจ้งว่าให้อยู่ต่อไม่ได้ เพราะจ่ายเงิน 40,000 บาท เป็นค่าซื้อบ้านให้ลูก นางเม็ง ไปแล้ว พร้อมทั้งขายบ้านให้คนอื่นแล้ว

ระหว่างที่กำลังเจรจาอยู่นั้น หลานชายแท้ๆ ของนางเม็ง ก็ได้ตะโกนขับไล่ นางเม็ง ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทำให้ นางเม็ง กลัวจนตัวสั่นและไม่กล้าอยู่ที่บ้านต่อไป เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตราย ก่อนที่กำนันจะแก้ปัญหาร่วมกับชาวบ้านให้ไปพักอาศัยชั่วคราวที่บ้านของ นางสุภาพร พลหาญ อายุ 60 ปี โดย นางสุภาพร เป็นชาวบ้านที่คอยช่วยเหลือ นางเม็ง มาตลอด ซึ่ง นางเม็ง ดีใจมาก จึงรีบขนสิ่งของจำเป็นออกจากบ้านตัวเอง เพื่อไปอาศัยของกับ นางสุภาพร ชั่วคราวก่อน

นางสุภาพร กล่าวว่า ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย แต่มีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เพราะ นางเม็ง ถูกญาติทอดทิ้ง ลูกไม่เหลียวแล ลูกบางคนติดยาบ้างเสียสติ บางคนถูกจับติดคุก ส่วนคนอื่นๆ ก็ไม่ดูแลแม่ จึงช่วยเหลือ นางเม็ง ไปเป็นการชั่วคราวก่อน จนกว่ากำนันจะหาที่พักอาศัยให้ได้

ขณะที่ นายฉัตรชัย โลหะมาตย์ กำนันตำบลหนองกุง กล่าวว่า การช่วยเหลือ นางเม็ง ในครั้งนี้ สืบเนื่องจากญาติซึ่งเป็นน้องสาวของสามี นางเม็ง ยื่นฟ้องศาลขับไล่ นางเม็ง ออกจากที่ดินที่ปลูกสร้างบ้านพักมานานกว่า 40 ปี และศาลสั่งให้ นางเม็ง ย้ายออกจากที่ดินดังกล่าวภายใน 7 วัน แต่ นางเม็ง ไม่มีที่ไป ไม่รู้จะไปไหน ญาติพี่น้องก็ไม่มีที่ให้พักอาศัย ลูก 6 คน บางคนก็ไปมีครอบครัว แต่ไม่สามารถเลี้ยงดูแม่ได้ ลูกบางคนติดยาเสพติด บางคนถูกจับติดคุก นางเม็ง จึงพึ่งพาใครไม่ได้

นางเม็ง ร้องไห้ไปหาที่บ้าน ขอความช่วยเหลือ เพราะถูกอาฟ้องขับไล่ออกจากที่ดินที่สร้างบ้านพักอาศัยอยู่มานานแล้ว และกลัวว่าจะขัดคำสั่งศาล แต่ไม่มีที่จะไปอยู่อาศัย จึงลงพื้นที่มาที่บ้าน นางเม็ง ซึ่งน้องสาวสามีและหลานชายยืนยันว่า นางเม็ง ต้องออกจากบ้าน เพราะจะขายบ้าน อีกทั้งได้จ่ายค่าบ้านให้ลูกสาว นางเม็ง ไปแล้ว นางเม็ง จึงไม่ควรอยู่ที่บ้านได้อีก

“มีชาวบ้านจะให้ นางเม็ง ไปอยู่ที่บ้านด้วย แต่ นางเม็ง ก็กังวลใจว่าถ้าลูกชายคนสุดท้องพ้นโทษออกมาจะอยู่กันลำบาก เกรงใจเจ้าของบ้าน จึงยังตัดสินใจจะไปอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวไม่ได้ แต่เป็นช่วงที่ นางสุภาพร ยื่นมือเข้ามาช่วย พาไปอยู่ที่บ้านเช่าด้วยเป็นการช่วยคราว จากนั้นผมในฐานะกำนันจะพยายามหาที่ดิน ปลูกสร้างบ้านให้ นางเม็ง ได้พักอาศัยต่อไป และจะประสานทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือตามสิทธิ์ต่อไป” นายฉัตรชัย กล่าว

ด้าน นางเม็ง กล่าวว่า ตนอยู่กินกับสามีตั้งแต่อายุ 17 ปี ที่บ้านหนองกุง มีลูกด้วยกัน 5 คน หลายปีต่อมาปู่ย่าเสียชีวิต ก็ยังอาศัยอยู่ในที่ดินแปลงเดิมที่เป็นมรดกของปู่ย่า ต่อมาน้องสามีได้มาขอร้องให้ตนพาลูกย้ายออกจากที่ดินที่เป็นมรดก ไปอยู่ที่บริเวณที่ดินแปลงด้านหลัง ซึ่งเป็นที่ดินแปลงที่อาซื้อมาจากเพื่อนบ้าน โดยให้เหตุผลว่า จะค้าขาย และให้ตนช่วยจ่ายค่าที่ดินให้เท่าที่จะจ่ายได้ จึงย้ายออกจากที่ดินมรดกไปอยู่แปลงด้านหลัง และสร้างบ้านอยู่กับสามีและลูก

กระทั่งสามีเสียชีวิต จึงมีสามีคนใหม่และมีลูกด้วยกัน 1 คน ต่อมาสามีใหม่เสียชีวิต ลูก 3-4 คน แยกไปมีครอบครัว ลูกคนที่ 5 ติดยาบ้าจนสติเลอะเลือน คนที่ 6 ก็ติดยาบ้า ถูกจับติดคุก ตนเชื่อว่าลูกคนที่ 6 อาจจะเป็นสาเหตุให้ทุกคนขับไล่ตนออกไป เพราะลูกคนี้เคยอาละวาด ตนต้องหนีไปอยู่บ้านญาติ ซึ่งญาติก็กลัวว่าลูกชายจะตามไปอีก จึงรังเกียจตนไปด้วย แต่ในบรรดาลูก 6 คน มีคนที่ 6 นี่แหละ คอยเลี้ยงดูหาข้าวหาน้ำให้กินทุกวัน แม้จะติดยาเสพติดแต่ก็ไม่เคยทอดทิ้งแม่ ทำงานบ้าน กวาดบ้านถูบ้านเอง กลัวแม่เหนื่อย ข้าวสารในถังจะเต็มตลอดไม่เคยขาด จนลูกชายมาเพิ่งถูกจับไปเมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา ตอนนี้อยู่ในเรือนจำ

เมื่อหลายปีที่ผ่านมา น้องสามีค้าขายไม่รอดถูกธนาคารยึดที่ดิน จึงไม่มีที่อยู่ แล้วมาปลูกบ้านอยู่ในที่ดินแปลงเดียวกัน ถมที่ดินสูงและก่ออิฐติดผนังบ้าน จนไม่สามารถเปิดประตูหน้าต่างได้ กระทั่งเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา น้องสามีได้ไปยื่นเรื่องที่สำนักงานที่ดิน ให้เจ้าหน้าที่ที่ดินออกมารังวัดที่ดินที่ตนอาศัยอยู่ หลังจากได้ที่ดินและได้โฉนดที่ดินเป็นของน้องสามีแล้ว ก็ยื่นฟ้องต่อศาลขับไล่ตนออกจากบ้าน

โดยบอกว่าตนไม่ได้เช่าอยู่และไม่มีการจ่ายค่าที่พักอาศัยใดๆ เลย ซึ่งศาลก็เชื่อ และขับไล่ตนออกจากพื้นที่ภายใน 7 วัน ในความเป็นจริงแล้ว ตนจ่ายค่าที่ดินให้น้องสามีมาหลายปี รวมเป็นเงินกว่า 30,000 บาท แต่ไม่มีหลักฐาน เพราะตนเชื่อใจที่เป็นญาติพี่น้องกัน โดยน้องสามีมักจะพูดว่า พี่ไม่เชื่อใจน้องเหรอ และไม่คิดว่าจะทำการฟ้องขับไล่ตนออกจากบ้านที่อาศัยอยู่มาทั้งชีวิต ส่วนลูกๆก็พึ่งพาอาศัยไม่ได้ เพราะทุกคนต้องดูแลครอบครัวตัวเอง ไม่มีลูกคนไหนมาช่วยเหลือตนได้