พระนครศรีอยุธยา”ผัวคลั่ง” จับลูก-เมียขังบ้านเป็นตัวประกัน ขู่ฆ่าหาก จนท.ไม่ถอย ด้านลูกสาวบอกพ่อติดยา-ตบตีแม่เป็นประจำ เผยพ่อเสพยาบ้ามา 60 เม็ด

เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 2 ม.ค. 66 เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิพุธไธสวรรย์ รับแจ้งขอความช่วยเหลือ จากเหตุผัวคลั่งใช้อาวุธมีดจี้ลูกเมียเป็นตัวประกันและขังอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 4 ต.ปากจั่น อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครหลวง ร่วมนำกำลังไปตรวจและให้การช่วยเหลือ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ใต้ถุนโปร่ง พบภายในบ้านปิดไฟมืดสนิท เปิดเพียงไฟใต้ถุนบ้านเพียงเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าคอยสังเกตการณ์อยู่ริมถนน เมื่อชายคลุ้มคลั่งเห็นเจ้าหน้าที่จึงตะโกนด่าทอและไล่ให้เจ้าหน้าที่อยห่างออกไป แถมขู่หากไม่ทำตามจะแทงตัวประกันทั้งหมด จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำกำลังถอยออกมา และคอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ

จากการสอบถาม น.ส.เตย (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ลูกสาวคนโต เล่าทั้งน้ำตาว่า ผู้ที่ก่อเหตุคือพ่อของตน ชื่อ นายชาลี ประดิษพจน์ อายุ 48 ปี จับแม่และน้องอีก 3 คนเป็นตัวประกันอยู่ภายในบ้าน ซึ่งปกติพ่อจะทำร้ายและตบตีแม่แบบนี้ทุกวันเป็นประจำ เนื่องจากพ่อเสพยาบ้า

น.ส.เตย เล่าต่อว่า ตนเคยขอร้องให้แม่ออกไปอยู่ที่อื่น เพราะสงสารแม่ แม่จึงย้ายออกไปอยู่ห้องเช่าได้เพียง 4 วัน ก็มีญาติของพ่อโทร.ไปบอกแม่ว่า พ่อหกล้มไม่สบายให้รีบกลับมาดูแล ตนก็บอกกับแม่ว่าอย่ากลับไป จนกระทั่งวันนี้เวลาประมาณ 20.00 น. แม่ได้เดินทางมาที่บ้านหลังเกิดเหตุ และก็มีปากเสียงทะเลาะกับพ่อเหมือนเดิม พ่อมีอาการคลุ้มคลั่งจะทำร้ายแม่ และใช้อาวุธมีดข่มขู่ จากนั้นก็จับแม่และน้องๆ ไว้เป็นตัวประกันขังอยู่ภายในบ้าน ต่อมาน้องสาวได้แชตมาบอก ตนจึงรีบตามมาดูก็พบว่าแม่ถูกพ่อขังไว้ในบ้าน ตอนนี้ตนรู้สึกเป็นห่วงแม่และน้องมาก เนื่องจากทราบมาว่าพอได้เสพยาบ้าไปเมื่อวานนี้ 60 เม็ด อาจจะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง จนระแวงว่าแม่จะหนีไปอยู่ที่อื่น

ด้าน นายพรณรงค์ ด้วงเพ็งรัก อายุ 43 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครพุทไธสวรรย์ ผู้รับแจ้งเหตุ เล่าให้ฟังว่า ลูกสาวของผู้ก่อเหตุได้แชตไปขอความช่วยเหลือ โดยส่งภาพคนในบ้านและภาพประตูหน้าต่าง ที่ถูกผ้าขาวม้าผูกมัดไว้ไม่ให้คนในบ้านออกมาข้างนอกได้ ตนจึงนำกำลังเข้ามาตรวจสอบ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุพบว่าภายในบ้านปิดไฟมืดสนิท มีเสียงจากคนภายในร้องขอความช่วยเหลือออกมา ตนจึงพยายามเขย่าประตูแต่ก็ไม่สามารถเปิดได้ และถูกผู้ก่อเหตุด่าทอข่มขู่ ตนจึงถอยออกมา และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบดังกล่าว

ขณะที่ พ.ต.ท.ประเสริฐ รัศมี สวป.สภ.นครหลวง และ นายสุเทพ บุญแจ้ง พยายามเข้ามาเกลี้ยกล่อม และพูดคุยกับนายชาลีให้เปิดประตูบ้านออกมาพูดคุยด้านนอก แต่นายชาลีกลับตะโกนออกมาว่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถอยออกไปให้หมด และรับปากจะไม่ทำร้ายคนในบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพยายามต่อรองให้นายชาลีเปิดประตูออกมา เพื่อตรวจสอบดูว่าคนที่อยู่ภายในบ้านปลอดภัยดีหรือไม่ แต่นายชาลีก็ไม่ยอมเปิดประตูออกมา เพราะกลัวว่าจะถูกจับ พร้อมยอมรับว่ามีการเสพยาบ้าจริง และจะขอโอกาสเข้าบำบัดแต่ก็ยังกล้าๆ กลัวๆ เพราะกลัวว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ ไม่ได้กลับมาเจอลูกเมียอีก

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจรับปากว่าจะให้ นายชาลี เข้าโครงการบำบัดยาเสพติด แต่ก็ยังไม่ยอมเปิดประตูออกมา พร้อมข่มขู่ถ้าเกิดเห็นเงาใครก็พร้อมที่จะใช้มีดปาดคอลูกชายคนเล็กทันที กระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 5 ชั่วโมง หากเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ เจ้าหน้าที่จะนำกำลังถอยออกมาด้านนอก พร้อมตรึงกำลังไว้เพื่อดูสถานการณ์ หวังให้นายชาลีพูดจารู้เรื่อง และสงบติอารมณ์ให้เย็นลงกว่านี้ จึงจะเข้าไปเจรจาเกลี้ยกล่อม