ชาวอเมริกันและแคนาดาไม่ต่ำกว่า 250 ล้านคนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากพายุฤดูหนาวขนาดใหญ่ ทำให้เกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิตแล้ว 19 ศพ

สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า พายุฤดูหนาวขนาดยักษ์แผ่ขยายเป็นวงกว้างระยะทางกว่า 3,200 กม. ตั้งแต่รัฐเทกซัส ตอนใต้ของสหรัฐฯ ไปจนถึงรัฐควิเบก ของแคนาดา ทำให้เกิดไฟดับกระทบผู้คนมากกว่า 250 ล้านคนตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดี และมีการยกเลิกเที่ยวบินไปแล้ว 5,900 เที่ยวทั้งขาเข้าและขาออกในวันศุกร์เพียงวันเดียว และอีก 1,600 เที่ยวในวันเสาร์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้พายุฤดูหนาวได้ เกิดปรากฏการณ์ ‘บอมบ์ ไซโคลน’ (bomb cyclone) ทำให้ภูมิภาค ‘เกรต เลก’ (Great Lakes) หรือเขตทะเลสาบขนาดใหญ่ทั้ง 5 บริเวณชายแดนสหรัฐฯ กับแคนาดา ต้องเผชิญกับสภาพพายุหิมะ สำหรับ บอมบ์ไซโคลนเกิดขึ้นเมื่ออากาศเย็นและอุ่นปะทะกันจนทำให้แรงกดดันในบรรยากาศดิ่งลงอย่างรวดเร็ว จนน้ำในอากาศควบแน่นก่อเป็นเมฆพายุ

ขณะที่สำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (NWS) รายงานว่า หลายพื้นที่ในรัฐมินนิโซตา, ไอโอวา, วิสคอนซิน, มิชิแกน และเมืองบัฟฟาโล ในรัฐนิวยอร์ก อยู่ในสภาพเกือบขาวโพลนทั้งหมด เพราะหิมะตกหนัก ทำให้ทิศนวิสัยการเมืองเห็นอยู่ที่ 0 ไมล์

ขณะที่ทประเทศแคนาดา ที่รัฐออนแทริโอและรัฐควิเบกเผชิญกระแสลมวลขั้วโลก (Arctic blast) ทำให้เกิดไฟดับกระทบประชาชนหลายแสนคน ส่วนพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศตั้งแต่รัฐ บริติช โคลัมเบียไปจนถึง นิวฟาวด์แลนด์ อยู่ภายใต้คำเตือนสภาพอากาศหนาวจัดและพายุฤดูหนาวเล่นงานอย่างหนักอุณหภูมิลดลงไปอยู่ที่ -50 องศาฟาเรนไฮต์ หรือราว -45 องศาเซลเซียส

อิทธิพลจากพายุฤดูหนาวเล่นงานอย่างหนักทั้งสหรัฐฯและแคนาดาทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 19 ศพ และอุบัติเหตุรถชนกัน 50 คันรวดในรัฐไอไฮโอ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ นอกจากนั้นยังเกิดรถชนกันอีกจุดในรัฐเดียวกัน ทำให้ผู้เสียชีวิตอีก 4 ศพด้วย