
ศาลอาญาพิพากษา “ยกฟ้อง” หลงจู๊สมชาย กับลูกน้องรวม 4 คน ในคดีฐานร่วมกันจัดในมีการลักลอบตั้งบ่อนพนัน-ฟอกเงิน โดยชี้ว่า ทั้ง 2 ความผิดพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักพอรับฟังได้ว่าจำเลยทำผิดจริง
เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2565 ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้องนายสมชาย จุติกิต์เดชา หรือหลงจู๊สมชาย ผู้กว้างขวางย่านภาคตะวันออก กับพวก น.ส.จุฑามาศ วงษ์นิยม, น.ส.อุไรวรรณ วงษ์นิยม และนายยุทธนากร มะลิชื่น รวม 4 คน เป็นจำเลยในฐานความผิด ตาม พ.ร.บ.การพนัน, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ร.บ.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
อัยการฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2563-17 ส.ค.2563 จำเลยกับพวกจัดให้มีการเล่นพนันกำถั่ว ไฮโล บาคาร่า ไพ่เสือมังกร เพื่อเอาทรัพย์สินโดยผิดกฎหมาย นอกจากนี้พวกจำเลยยังได้ร่วมกันสมคบกันฟอกเงินโดยโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารพาณิชย์หลายครั้งหลายหน เพื่อเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิดเพื่อซุกซ่อน หรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน
เหตุเกิดที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง, ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษพวกจำเลยตามความผิด พวกจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว โดยในวันนี้นายสมชาย หรือหลงจู๊สมชาย จำเลยที่ 1 กับพวกทั้ง 4 คน เดินทางมาฟังคำพิพากษา โดยนั่งมากับรถตู้สีดำ ยี่ห้อฮุนได
ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานโจทก์ และพนักงานสอบสวนไม่ได้ให้การพาดพิงไปว่าจำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักให้รับฟังว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิด ส่วนข้อหาฟอกเงินนั้น พยานโจทก์ก็ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้เช่นกัน และโจทก์ไม่มีหลักฐานอื่นมาประกอบ เช่น การนำบัญชีธนาคารของตนมาทำเป็นบัญชีบ่อน หรือมีรายงานจากบัญชีบ่อนไปเข้าบัญชีตน หรือมีข้อมูลการใช้โทรศัพท์ติดต่อกับคนร้ายที่หลบหนี กลับได้ความว่าสมุดบัญชีเป็นของบุคคลภายนอกที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้ จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฟอกเงินด้วย นอกจากนี้พยานโจทก์ยังนับว่ามีความผิดปกติไปจากวิสัยของคนร้ายที่มักจะถ่ายเททรัพย์สินหลายครั้งและเป็นจำนวนมาก ข้อเท็จจริงพบว่าพวกจำเลยมีการรับเงินไว้เพียงครั้งเดียว ขณะที่พยานหลักฐานของฝ่ายจำเลยรับฟังได้ พยานโจทก์ทั้งหมดจึงยังเป็นที่น่าเคลือบแคลงสงสัย และไม่เพียงพอที่จะรับฟังลงโทษจำเลยได้ พิพากษายกฟ้อง
ภายหลังนายสมชาย หรือหลงจู๊สมชาย จำเลยที่ 1 กับพวกได้เดินไปขึ้นรถตู้ที่มาจอดรอรับและไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด.