ตำรวจ สน.ท่าข้าม-การไฟฟ้านครหลวง บุกทลายเหมืองขุดบิตคอยน์ ในเขตบางบอน พบหมู่บ้านเดียวลักลอบใช้ไฟฟ้า 5 หลัง ยึดกว่า 200 เครื่อง สร้างความเสียหายร่วม 10 ล้านบาท คาดทำมาแล้ว 1 ปี

นายสานิวัจน์ วรดิถี ผู้ช่วยผู้อำนวยการการไฟฟ้าเขตบางขุนเทียน พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีรชัย เด็ดขาด รอง.ผบก.น.9 พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม พ.ต.ท.ทศพร หงษ์ทอง รอง ผกก.สส.สน.ท่าข้าม พ.ต.ท.ทศพร กลีบบัว สว.สส.สน.ท่าข้าม พ.ต.ต.มงคล สังข์เพิ่ม สวป. พร้อมฝ่ายสืบสวนท่าข้าม และเจ้าหน้าที่ไฟฟ้านครหลวงประกอบด้วย นายมนต์ชัย เตชะไชโย ผู้อำนวยการกองคดีค่าไฟฟ้าฝ่ายกฎหมาย นายมรกต สุกสีจันทร์ นิติกร 8 น.ส.อาจารี งามวงษ์วาน นิติกร 8 ร่วมกันแถลงผลการเข้าตรวจค้น ตามหมายศาลอาญาธนบุรี ที่ 746,748,749,751,753 /2565 ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2565 จำนวน 5 จุด ภายในบ้านเลขที่ 45/1866 ,48/1241 ,141-143, 45/1631-1632 ,45/ 619 (หมู่บ้านดีเค) แขวงคลองบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพฯ ผลการตรวจค้นพบของกลางเป็นเครื่องขุดเงินดิจิตอล (บิตคอยน์) จำนวน 223 เครื่อง พร้อมคอมพิวเตอร์จำนวน 4 ชุด รวมมูลค่าความเสียหายร่วม 10 ล้านบาท

โดย นายสานิวัจน์ วรดิธี ผู้ช่วยผู้อำนวยการการไฟฟ้าเขตบางขุนเทียน เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานการไฟฟ้าร่วมกับตำรวจ สน.ท่าข้าม ตรวจสอบบ้านต้องสงสัย ซึ่งเป็นตึกแถวสูง 3 ชั้น จำนวน 5 คูหา มาระยะหนึ่ง จนแน่ใจว่าบ้านต้องสงสัยดังกล่าว มีการกระทำความผิดจริง โดยการลักลอบต่อสายไฟตรงเข้าภายในตัวบ้านโดยไม่ผ่านมิเตอร์หรือกล่าวง่ายๆว่าการขโมยไฟใช้ จึงเข้าตรวจค้นและพบของกลางดังกล่าว ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ตึกแถวทั้ง 5 หลังมีชื่อผู้ครอบครองเพียงคนเดียวในลักษณะเป็นผู้เช่า และจากการประเมินความเสียหายเบื้องต้นพบมูลค่าความเสียหายบ้าน 1 หลัง มูลค่าความเสียหายประมาณ 2 ล้านบาทต่อปี (บ้าน 5 หลัง รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาทต่อปี)

ด้าน พ.ต.ท.ทศพร เปิดเผยว่า หลังจากนี้ ของกลางที่ตรวจยึดไว้ทั้งหมด จะถูกนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ไว้เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.65 ที่ผ่านมา หลังพบว่าภายในหมู่บ้านดังกล่าว มีการลักลอบใช้ไฟฟ้า จำนวน 16 หลัง กระทั่งช่วงเช้าวันนี้ 16 ธ.ค.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้าม จึงเข้าทำการตรวจสอบ จนเหลือเพียง 5 หลัง ที่พบการกระทำความผิด ซึ่งคาดว่าทำมาแล้วประมาณ 1 ปี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดอุปกรณ์เครื่องขุดบิทคอยล์ของกลาง และอยู่ระหว่างการติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป